หลังจากที่ทาง CHANGAN (ฉางอัน) แบรนด์รถน้องใหม่ในตลาดเมืองไทยได้เคยนำ AVATR 11 อีกหนึ่งแบรนด์รถในสังกัด เข้ามาโชว์ตัวที่ในงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการหยั่งเชิงดูกระแสความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย พร้อมกับมีการเกริ่นเบา ๆ ว่าเตรียมจะนำเข้ามาวางจำหน่ายในไทยในปีต่อไป
จนล่าสุดมีข่าวมาจากทางฉางอันบริษัทแม่ในประเทศจีน เตรียมพร้อมที่จะเปิดตัว AVATR 11 อย่างเป็นทางการในตลาดไทย โดยจะมีกำหนดการณ์จะเปิดตัวภายในงาน Motor Show 2024 ที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ โดยคาดว่าเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้า 100% จะมีราคาค่าตัวจะอยู่ที่ราว ๆ 2.XX ล้านบาท
ซึ่งก่อนที่จะไปพบเจอตัวจริงกันอีกครั้งในเร็ววันนี้ เรามาทำความรู้จักกับ AVATR 11 รถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ทรงคูเป้ขนาดกลางแบรนด์พรีเมียมของ CHANGAN กันอีกสักครั้ง
ในด้านดีไซน์ภายนอกจะมากับตัวถังในรูปแบบเอสยูวีคูเป้ 4 ประตู ที่เน้นความล้ำสมัย ดูพรีเมียมในทุกสัดส่วน ด้านหน้ารถมากับชุดไฟหน้า LED และไฟ DRLs ในดีไซน์แบบเบางเฉียบ ที่เป็นเส้นตรง และรูปตัว L ที่อยู่ถัดลงมาด้านล่าง กระจังหน้าแบบปิดทึบ กันชนหน้าออกแบบให้ดูเป็นช่องรับลมแบบหลอกตาลวยลายเป็นลายตาราง
นอกจากนั้นยังติดตั้งแถบหน้าจอที่สามารถสื่อสารกับผู้คนภายนอกได้ อยู่ด้านล่างกระจกบังลมหน้าเหนือฝากระโปรงหน้า ซึ่งจะสามารถกล่าวทักทายเป็นภาษา และบอกเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ
ดีไซน์ด้านข้างมากับความเรียบหรู แนวหลังคาโค้ง และเตี้ยลาดไปยังท้ายรถในสไตล์รถคูเป้ มาพร้อมฝาท้ายเปิดแบบรถซีดาน มือเปิดประตูเป็นแบบราบเรียบไปกับตัวรถ พร้อมติดตั้งกล้องด้านข้าง ที่เป็นหนึ่งในกล้องรอบคัน 13 ตัว พร้อมกับซ่อนเรดาร์ไว้มากถึง 21 จุด นอกจากนั้นยังมีหน้าจอเล็ก ๆ ที่ด้านข้างตัวรถบริเวณซ้มล้อหน้า ที่จะทำหน้าที่แสดงข้อมูลต่าง ๆ ภายในตัวรถ
ขณะที่ชุดไฟท้ายมาแบบสมัยนิยมที่เป็นแถบเส้นไฟ LED ที่วางพาดยาวเต็มพื้นที่ด้านท้าย
AVATR 11 ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม EP1 มีมิติความยาวของตัวรถอยู่ที่ 4,880 มม. ความกว้าง 1,970 มม ความสูง 1,601 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 2,975 มม.
ภายในห้องโดยสารในเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในประเทศจีนนั้นจะมีให้เลือกทั้งแบบ 4 หรือ 5 ที่นั่ง โดยถ้าเป็นรุ่น 4 ที่นั่งจะเป็นเบาะแบบกัปตันซีท ที่ถูกคั้นกลางด้วยคอนโซลขนาดใหญ่
มาพร้อมแท่นวางสมาร์ตโฟน รวมทั้งยังมีลิ้นชักที่เป็นช่องเก็บความเย็น สามารถนำขวดน้ำหรือเครื่องดื่มเข้าไปเก็บแช่ได้
นอกจากนั้นทั้งในเบาะที่นั่ง, แผงคอนโซล และแผงประตูจะถูกหุ้มด้วยหนัง Nappa ทั้งหมด ขณะที่แผงหลังคาหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์ Suedette ที่ดูคล้ายกำมะหยี่
ด้านแผงแดชบอร์ดจะมีหน้าจอให้ถึง 3 จอด้วยกัน โดยจะแบ่งเป็นหน้าจอดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว สำหรับคนขับ และหน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าที่ทั้ง 2 จอจะถูกฝังไว้กับคอนโวลหน้า ขณะที่หน้าจอมัลติฟังก์ชันส่วนกลางจะถูกวางแบบลอยตัวโดยมีขนาด 15.6 นิ้ว
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานผ่านซอฟต์แวร์ของ Huawei นอกจากนี้ยังมีมาพร้อมกับแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย, ชุดไฟสร้างบรรยากาศห้อมล้อมห้องโดยสาร, ระบบเครื่องเสียงมากับระบบ 14 ตำแหน่ง พร้อมติดตั้งระบบตัดเสียงรบกวนจากถนน และสามารถสร้างเสียงคำรามของเครื่องยนต์ให้เร้าใจในยามขับขี่ด้วยระบบ Active Sound Enhancement
ในด้านขุมพลังขับเคลื่อนเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในจีนจะมีให้เลือก 4 รูปแบบ
- รุ่น Single Motor Standard จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยวให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 90 kWh ชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 630 กม. (CLTC)
- รุ่น Single Motor Long Range จะได้รับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยวให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 90 kWh ชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 730 กม. (CLTC)
- รุ่น Dual Motor Standard มากับมอเตอร์คู่ ให้กำลัง 578 แรงม้า แรงบิด650 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.98 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. มากับแบตเตอรี่ขนาด 90 kWh ชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 580 กม. (CLTC)
- รุ่น Dual Motor Long Range มากับมอเตอร์คู่ ให้กำลัง 578 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. มากับแบตเตอรี่ขนาด 116 kWh ชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 700 กม. (CLTC)
พร้อมรองรับการชาร์จกระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 11 kW รวมถึงรอบรับการชาร์จเร็ว DC ขนาด 240 kW ที่ให้กำลังไฟจาก 0 – 80% ภายใน 25 นาที อีกทั้งยังมาพร้อมระบบ VTOL จ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอกสูงสุด 3.3 kW
สำหรับราคาจำหน่ายของ AVATR 11 ในตลาดเมืองจีนจะเริ่มต้นที่ 300,000 หยวน หรือประมาณ 1.49 ล้านบาท ส่วนรุ่นท็อปสุดราคา 1.93 ล้านบาท ดังนั้นหากมีการเปิดตัวในไทยคาดว่าจะเริ่มต้นอยู่ประมาณ 2.XX ล้านบาท