in , , ,

Denza N9 Black Warrior Black Edition เอสยูวี PHEV รุ่นพิเศษ แต่งดำรอบคันมีเฉพาะในจีน

Denza N9 Black Warrior Black Edition เอสยูวี PHEV รุ่นพิเศษมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว 925 แรงม้า พ่วงด้วยแบตเตอรี่ BYD Blade 46.9 kWh ที่วิ่งครอบคลุมระยะทางไกลถึง 1,300 กม. มีขายเฉพาะในจีน ราคาเริ่มที่ 1.8 ล้านบาท

Denza N9 Black Warrior Black Edition

เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทาง Denza แบรนด์รถหรูของทาง BYD ได้เปิดตัววางจำหน่าย Denza N9 เอสยูวี PHEV ตัวแรงในตลาดเมืองจีน ทางแบรนด์พรีเมียมของทางบีวายดี ก็เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้าชาวจีนที่ชื่นชองความแตกต่าง ด้วยการเปิดตัว Denza N9 Black Warrior Black Edition ตามออกมาติด ๆ 

Denza N9 Black Warrior Black Edition

สำหรับ Denza N9 Black Warrior Black Edition จะมากับการตกแต่งรอบคันด้วยโทนสีเข้มดำทั้งหมด โดยทางเดนซ่า เปิดราคาเริ่มที่ 389,800 – หยวน หรือราว ๆ 1.8 ล้านบาท

ในด้านงานออกแบบตัวรถจะเหมือนกับ Denza N9 ในรุ่นมาตรฐาน แต่จะ มาพร้อมกับความเข้มตามชื่อรถด้วยการตกตแต่งภายนอกรอบตัวถังให้เป็นโทนสีดำ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของแผงกันกระแทกใต้กันชนหน้า -หลัง คิ้วแต่งหลังซุ้มล้อหน้า นอกจากนั้นยังเสริมความดุด้วยการเปลี่ยนชุดล้อสีเงินขนาด 22 นิ้ว มาเป็นล้อดำ มาพร้อมติดตั้งชุดคาลิเปอร์เบรกสีเหลือง

Denza N9 Black Warrior Black Edition

ในด้านขนาดมิติตัวนถนั้นยังคงเดิม โดยจะความยาว 5,258 มม. กว้าง 2,030 มม. สูง 1,830 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 3,125 มม. ตัวรถจะมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 4.65 เมตร 

Denza N9 Black Warrior Black Edition

ภายในห้องโดยสารของ Denza N9 Black Warrior Black Edition ถึงแม้ว่าจะไม่มีภาพชุดเปิดเผยออกมาแต่ก็คาดว่าจะมาในโทนสีดำตามเฉดสีภายนอก และเหมือนกับชื่อรุ่น 

Denza N9 Black Warrior Black Edition

โดยภายในยังคงมาในแบบ 6 ที่นั่ง (2+2+2) เบาะที่นั่งผู้ขับขี่จะเป็นแบบ Zero-Gravity มาพร้อมโหมดควีนไซส์ ส่วนเบาะแถวที่สองเป็นแบบ Captain Chair แยกจากกันมาพร้อมที่วางขา โดยแต่ละที่นั่งสามารถปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทาง พร้อมระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และนวด พร้อมติดตั้งหน้าจอพื้นสำหรับควบคุมเบาะ และเครื่องปรับอากาศ 

Denza N9 Black Warrior Black Edition

นอกจากนั้นผู้โดยสารด้านหลังยังจะได้รับหน้าจอแสดงความบันเทิงที่ติดตั้งไว้บนเพดาน โต๊ะพับขนาดเล็ก และยังติตดั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายที่ให้กำลังชาร์จถึง 50W รวมทั้งยังมีตู้เก็บของที่มาพร้อมฟังก์ชันทำความร้อน และความเย็นขนาด 11 ลิตร ที่อยู่ด้านหลังคอนโซลกลาง ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 รองรับการปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง มาพร้อมระบบทำความร้อน รวมทั้งยังมากับหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาที่มาขนาดใหญ่ถึง 3.2 ตร.ม. ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 3 แถว

Denza N9 Black Warrior Black Edition

Denza N9 Black Warrior Black Edition

แผงแดชบอร์ดจะขับเคลื่อนด้วยระบบ DiLink 150 ของ BYD โดยจะประกอบไปด้วยหน้าจอถึง 3 จอ ด้วยกันได้แก่ หน้าจอควบคุมกลางที่วางแบบลอยขนาด 17.3 นิ้ว, แผงหน้าปัด LCD ขนาด 13.2 นิ้ว และหน้าจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าที่มีความคมชัดระดับ 2.5K  ขนาด 13.2 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยชิปขนาด 4 นาโนเมตร นอกจากนี้ยังมีหน้า AR-HUD ขนาด 50 นิ้ว และหน้าจอสตรีมมิ่งสำหรับกระจกมองข้างแต่ละบาน

นอกจากนั้นยังได้รับระบบเสียง Devialet พร้อมลำโพง 26 ตัว หน้าจอเพดานด้านหลังขนาด 17.3 นิ้ว ที่สามารถเชื่อต่อกับสมารืตโฟนได้ มาพร้อมระบบผู้ช่วยเสียง AI และโหมดคาราโอเกะ 

Denza N9 Black Warrior Black Edition

ในด้าระบบความปลอดภัย จะมากับระบบ God’s Eye B (DiPilot 300) ของบีวายดี  ซึ่งรองรับด้วยลิดาร์ 128 เส้น เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และกล้อง 14 ตัว โดยระบบดังกล่างนี้จะรองรับระบบช่วยจอดอัตโนมัติในช่องจอดแนวตั้ง/ด้านข้าง/แนวทแยง,ระบบช่วยจอดระยะไกล,ระบบช่วยรักษาเลนฉุกเฉิน และระบบตรวจจับจุดบอด เป็นต้น 

Denza N9 Black Warrior Black Edition

แน่นอน Denza N9 Black Warrior Black Edition ยังคงถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ e-Platform 3.0 ของ BYD ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมากับขุมพลัง PHEV ที่มากับเครื่องยนต์ 2.0T 204 แรงม้า ที่ให้แรงบิดดสูงุสดถึง 325 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยแบ่งเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 200 kW (262 แรงม้า) ที่อยู่ด้านหน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ที่อยู่ด้านหลัง โดยแต่ละตัวมีกำลัง 240 kW (321 แรงม้า) ให้กำลัรวมทั้งระบบที่ 925 แรงม้า ส่งผลทำให้มีอัตราเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 230 กม./ชม.

มาพร้อมแบตเตอรี BYD Blade ขนาด 47 kWh มีระยะทางที่วิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนไกลถึง 202 กม. และวิ่งครอบคลุมระยทางไกลถึง 1,302 กม. เมื่อน้ำมันเต็มถัง พร้อมกับแบตเตอรี่ชาร์จไฟเต็ม พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ DC ที่ให้กำลังไฟจาก 30% –  80% ในเวลา 19 นาที โดยทางเดนซ่าเคลมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ที่ 6.3 ลิตร/100 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)

Denza N9 Black Warrior Black Edition

สำหรับราคาจำหน่ายด้วยการที่ตกแต่งเพียงเพิ่มความเข้ม และต้องการเพิ่มทางเลือก และกระตุ้นยอดบายให้มากขึ้น จึงทำให้มีราคาจำหน่ายเท่ากับในรุ่นมาตรฐานที่มีราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 389,800 –  449,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1.8 – 2.1 ล้านบาท