หลังจากที่ทาง GAC AION บริษัทในเครือของ GAC Group (Guangzhou Automotive Corporation Group) หนึ่งในผู้ผลิตรถรายใหญ่จากประเทศจีน ได้เบิกร่องเปิดตัว GAC AION Y Plus เอสยูวีไฟฟ้าวิ่งไกล 550 กม. รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของทางแบรนด์ในตลาดเมืองไทย ไปเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยเปิดราคาจำหน่ายเริ่มอยู่ที่ 1.069 ล้านบาท (น่าเสียดายเปิดราคาแอบแรงไปนิด)
ซึ่งในงานแถลงข่าววันน้้นทาง GAC AION เผยว่า นอกจาก AION Y Plus ที่จะทำตลาดในไทยแล้ว ทางบริษัทยังเตรียมที่จะนำรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลากรุ่นเข้าสู่เมืองไทย ซึ่งจากข่าวคาดว่ารถุยนต์ไฟฟรุ่นที่ 2 ของทาง GAC AION จะเป็น GAC Aion S Plus รถซีดานไฟฟ้า ในพิกัด C-Segment ที่จะมาเป็นคู่แข่งของทาง BYD SEAL ที่จะเปิดตัวในบ้านเรา 28 ก.ย. นี้ รวมทั้ง ORA Grand Cat รถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบคูเป้ท้ายลาด 4 ประตู ที่น่าจะเปิดตัวในเวลาที่ไกล้เคียงกันกับ Aion S Plus
ซึ่งก่อนที่จะถึงวันเผยโฉมจริงของ GAC Aion S Plus ในบ้านเรานั้นทางทีมงาน Autostation.com มีข้อมูลของซีดานตัวใหม่ของทาง GAC มาบอกกันก่อนล่วงหน้า โดยจะอิงกับสเปคที่เปิดตัว และวางจำหน่ายในประเทศจีน
โดย GAC Aion S Plus (จีเอซี ไอออน เอส พลัส) นั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มาในรูปแบบตัวถังซีดาน 4 ประตู ขนาดกลาง มีความยาวอยู่ที่ 4,810 มม., กว้าง 1,880 มม., สูง 1,515 มม. และมีความยาวฐานล้อ 2,750 มม. ซึ่งใกล้เคียงกับ Honda Accord
ด้านรูปลักษณ์ดีไซน์ภายนอก จะถูกพัฒามาจากรถต้อนแบบ EN0.146 ฝากระโปรงหน้าถูกออกแบบให้มีโค้งมน เน้นความลู่ลม
ชุดไฟหน้าไฟ LED Streamer Arc มาพร้อมไฟ DRL ที่เป็นเส้นรูปตัว Y ที่อยู่ในโคมเดียวกัน กันชนหน้าสีดำขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้เป็นช่องดักอากาศ
ด้านข้างออกแบบเนนเความเรียบหรู มือจับประตูแบบราบเรียบไปกับตัวรถ หลังคาด้านท้ายออกแบบให้มีความลาดเท เหมือนรถคูเป้
รวมถึงเป็นหลังคากระจก พาโนรามาขนาด 1.9 ตารางเมตร ที่สามารถตัดรังสีอัลตราไวโอเลตได้ 99.9% ส่วนล้อจะมีให้เลือก 3 ลาย มีขนาด 17 นิ้ว – 18 นิ้ว (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย)
ส่วนด้านท้ายรถออกแบบให้ฝากระโปรงหลังมีมุมที่เงยขึ้นเหมือนกับเป็นสปอยเลอร์หลังในตัว มาพร้อม ชุดไฟท้าย LED Laser Blade ที่วางพาดเต็มพื้นที่
โดยในงานดีไซน์โดยรวมของ GAC Aion S Plus จะถูกออกแบบให้ต้านลมน้อยที่สุดเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน โดยมีค่าด้วยค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทานอยู่ที่ 0.211 cd วึ่งน้อยกว่า Tesl Model 3
สำหรับดีไซน์ภายใน GAC Aion S Plus งานดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ของทาง GAC ที่เน้นความเรียบง่าย โดยในสเปคที่วางจำหน่ายในเมืองจีนจะมีให่เลือก 3 เฉดสี ได้แก่สีดำ Obsidian, สีขาว White Moon และสีดำสลับเทา ตัดด้วยสีส้ม Star Ring
แผงคอนโซลหน้าติดตั้งมาตรวัดขนาด 10.25 นิ้ว มาพร้อมจอควบคุม และเป็นหน้าจออินโฟรเทนเมนต์ในจอเดียวกันที่มีขนาด 14.6 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง
เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ขณะที่ฝั่งผู้โดยสารมีทั้งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง และปรับด้วยมือ เบาะหลังแยกพับได้ 60:40
คอนโซลกลางจะมีปุ่มปลี่ยนเกียร์อิเล็กทรอนิกส์แบบมือหมุน มาพร้อมแท่นชาร์จสมาร์ตโฟน ขณะที่ระบบแอร์เป็นแบบอัตโนมัติแยก 2 โซน พร้อมระบบฟอกอากาศ PM2.5 มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบเสียงของ Tony Bongiovy
GAC Aion S Plus จะได้รับการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ ADiGO PILOT ระบบช่วยขับขี่ เช่น ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน, ระบบช่วยขับขี่ในสภาพจราจรติดขัด, ระบบป้องกันการชนด้านหน้า, ระบบเตือนและรักษาช่องทางจราจร เป็นต้น
ในด้านพละกำลัง Aion S Plus สเปกจีนจะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่เพลาคู่ล้อหน้า ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร มีหมดการขับขี่ ให้เลือก ทั้ง ECO+, ECO, NORMAL, SPORT มาพร้อมระบบ i-Pedal ส่วนแบตเตอรี่จะมี 2 แบบ 3 ขนาด ได้แก่
- แบตเตอรี่ Lithium-ion phosphate ขนาด 60kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งไกล 510 กม.
- แบตเตอรี่ Lithium-ion Ternary ขนาด 58.8kWh ชาร์จไฟวิ่งไกล 510 กม .
- แบตเตอรี่ Lithium-ion Ternary ขนาด 65Wh ชาร์จไฟวิ่งไกล 610 กม.
พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ DC ขนาด 150KW ที่จะให้กำลังไฟจาก 30 – 80% ภายใน 42 นาที
ด้านราคาจำหน่าย GAC Aion S Plus ในจีน จะมีราคาจำหน่ายระหว่าง 149,800 – 191,600 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว ๆ 7.3 – 9.3 แสนบาท ส่วนถ้านำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรานั้นคาดว่าจะมีราคาเริ่มไม่ถึง 1 ล้าน โดยจะมีคู่แข่งในตลาดทั้ง BYD SEAL และ ORA Grand Cat
สำหรับ Aion S Plus เวอร์ชั่นเมืองไทยคาดจะได้รับการเปิดตัวในไทยช่วงปลายปี 2566 นี้ โดยรายละเอียดจะแตกต่างจากสเปคเมืองจีนอย่างไร ทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง