Great Wall Motor ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Haval Raptor Hi4 รุ่นปี 2024 ที่มาพร้อมกับการอัปเกรดใหม่ให้รองรับการวิ่งลุยในเส้นทางออฟโรดได้ดีกว่ารุ่นเดิม โดยมีให้เลือก 4 เกรด ได้แก่ 102 Air, 102 Pro, 145 Pro และ 145 Chuanyue เปิดราคาจำหน่ายเริ่มที่ 165,800 หรือประมาณ 8.49 แสนบาท
ในด้านรูปลักษณหน้าตานั้นยังคงเหมือนกับในรุ่นปี 2023 ที่มาในรูปแบบรถออฟโรดสายลุย งานดีไซน์จะมาในทรงเหลี่ยมเหมือนกับ Haval Big Dog มาพร้อมกระจังหน้าจะมีขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยแถบสีเงินเรียงซ้อนกัน 3 ชั้น มาพร้อมโลโก้ H A V A L ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยไฟหน้าทรงกลมแบบเรโทร
ด้านล่างติดตั้งการ์ดกันกระแทกสีเงินใต้ห้องเครื่อง ขณะที่ด้านข้างดีไซน์ด้วยเส้นสายที่ราบเรียบ ตกแต่งขอบซุ้มล้อด้วยแถบสีดำ
ส่วนด้านท้ายมากับชุดไฟท้ายทรงสี่เหลี่ยมข้างละ 2 ดวง ที่วางเรียงต่อซ้อนกัน มือเปิดประตูด้านท้ายถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่จับถนัดมือ โดยตัวประูจะถูกเปิดออกแบบด้านข้าง พร้อมติดตั้งกล่องอเนกประสงค์ทรงเหลี่ยมไว้ที่ด้านท้าย
โดยส่วนที่เปลี่ยนแปลง และอัพเกรดจากรุ่นเดิมจะอยู่ที่การยกความสูงจากพื้นถึงจุดที่ต่ำที่สุดของตัวถังของรถ หรือ Ground Clearance เพิ่มขึ้นจากเดิม 200 มม. ปรับใหม่เป็น 221 มม. ซึ่งส่งผลทำให้ลุยน้ำได้สูงขึ้นจาก 560 มม. เป็น 580 มม. จากความสูงที่เพิ่มขึ้น
รวมไปถึงการปรับค่า Approach angle (มุมเข้า) เพิ่มขึ้นอีก 1 องศา และลดองศาของ Departure angle (มุมออก) ลงอีก 2 องศา อีกทั้งยังมีการเสริมองศาของ Longitudinal passing angle (มุมส่งตามยาว
) อีก 1.1 องศา ทำให้ตัวรถมีมุมเลี้ยวที่คล่องแคล่วกว่าเดิม รวมทั้งยังช่วยเสริมให้สามารถวิ่งในเส้นทางออฟโรดได้ดีมากยิ่งขึ้น
โดยในด้านมิติขนาดตัวรถของ Haval Raptor Hi4 2024 จะมีขนาดความยาว 4,800 มม. ความกว้าง 1,950 มม. ความสูง 1,843 มม. ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นปีที่ผ่านมาจะกว้าง 34 มม. พร้อมสูงขึ้น 21 มม.ขณะที่ ระยะฐานล้อไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยคงระยะอยู่ที่ 2,738 มม. ในด้านระบบการขับขี่มีให้เลือกถึง 7 โหมด ประกอบด้วย Standard, Economy, Sports, Snow, Sand, Mud และระบบ AWD
ส่วนภายในห้องโดยสารของ Haval Raptor Hi4 2024 นั้นยังคงเดิมรองรับได้ 5 ที่นั่ง แผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้งหน้าจอส่วนกลางที่วางแบบลอยขนาด 14.6 นิ้ว มาพร้อมแผงหน้าปัด LCD ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอแ W-HUD ขนาด 9 นิ้ว รวมทั้งยังได้รับการติดตั้งชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 และระบบ Coffee Intelligence ของ GWM Coffee Pilot ADAS ประกอบด้วยระบบนำทางในตัวและแผนที่ที่มีความแม่นยำสูง Coffee Pilot
ด้านคอนโซลกลางมีพืน้ที่ขนาดใหญ่ มาพร้อมติดตั้งปุ่มควบคุมสั่งงานต่าง ๆ รวมทั้งยังมาพร้อมแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย และช่องวางแก้วน้ำขนาดใหญ่ 2 ช่อง
ขณะที่ด้านคันเกียร์จะมีดีไซน์ที่เหมือนกับในตัว TANK 300 พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุคลาฟล่าที่คอนโซลกลาง และแผงประตูข้าง รวมทั้งยังได้รับเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ยังได้รับการอัพเกรดให้รองรับฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง L2+ ซึ่งรับรู้ผ่านเซ็นเซอร์มาตรฐาน 11 ตัว รวมทั้งยังมีพื้นที่เก็บของ 44 ช่องทั่วทั้งรถ และพื้นที่เก็บของด้านทายที่มีความจุมากถึง 586 ลิตร
ในด้านขุมกำลังจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5T ให้กำลัง 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 243 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้กำลัง 70 kW หรือ 94 แรงม้า และ 150 kW หรือ 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 160 นิวตันเมตร และ 350 นิวตันเมตร ตามลำดับ โดยตัวรถจะทำความเร็วสูงุสดอยู่ที่ 190 กม./ชม. ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ DHT 2 สปีด
มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ LFP ขนาด 19.09 kWh และ 27.54 kWh วิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 102 กม. และ 145 กม (NEDC) ตามลำดับ
ขณะที่แบตเตอรี่จะรองรับการชาร์จเร็ว หรือ DC ที่กำลังไฟฟ้าจาก 30% เป็น 80% ในเวลา 28 นาที และรองรับระบบจ่ายไฟสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ กำลังไฟสูงสุด 3.3 kW
สำหรับ Haval Raptor Hi4 2024 จะมาพร้อมกับเฉดสีใหม่ 2 สี ได้แก่ สีเหลือง Storm Yellow และ สีเทา Ink Jiangnan Grey โดยทางเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในจีนเปิด ราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 165,800 – 192,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 8.49 – 9.88 แสนบาท