รวมไฮไลท์รถยนต์รุ่นใหม่ที่ถูกนำมาโชว์ตัวภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรืองาน Motor Expo 2023 โดยปีนี้มีรถยนต์เข้าร่วมมากถึง 34 ค่าย รวมทั้งมีรถใหม่เปิดตัวกันแน่น ทั้งรถยนต์แบบเครื่องยนต์สันดาป ไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด และที่กำลังฮอตฮิตอย่างรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% โดยเฉพาะแบรนด์รถจากเมืองจีนที่ยกทัพมาโชว์กันมากที่สุดนับตั้งแต่จัดงานมา ที่สำคัญยังมีรุ่นที่โชว์ก่อนขายจริงในไทย แต่จะมีรถเด่นรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปชมกันเลย
Toyota Hilux Champ
Toyota Hilux Champ รถกระบะอเนกประสงค์ที่ใช้แชสซีส์ร่วมกับ Toyota Hilux Revo ภายใต้โครงการ IMV สำหรับตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการรถกระบะที่สะดวกต่อการนำไปต่อเติมได้อย่างอิสระตามลักษณะการใช้งาน ขุมพลังจะมีให้เลือก 3 รูปแบบคือ เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร /เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 139 แรงม้า / เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า กับราคาจำหน่ายระหว่าง 459,000 – 577,000 บาท
Honda Accord
อีกหนึ่งรถขวัญใจมหาชนต้องยกให้กับทาง Honda Accord ใหม่ ขุมพลัง 2.0 e:HEV ที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดย Accord ใหม่ นี้เป็นเจนฯ ที่ 11 ของซีดานขนาดใหญ่จากทางค่ายฮอนด้า ในด้านพละกำลังมากับขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่เป็นการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวม 207 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร มาพร้อมกับระบบ Honda SENSING ทุกรุ่นย่อย กับราคาจำหน่ายระหว่าง 1,529,000 – 1,799,000 บาท
Mazda6
อีกหนึ่งดาวเด่นภายในงานคงต้องยกให้กับทางค่าย Mazda ที่สร้างเซอร์ไพรส์ใหญ่ด้วยการเปิดตัว Mazda6 20th Anniversary Edition ที่เป็นรถยนต์สปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ ถือเป็นการกลับมาทำตลาดครั้งแรกในประเทศไทยนับตั้งแต่การทำตลาดของ Mazda 626 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยในรุ่นพิเศาใหม่นี้จะถูกผลิตจากโรงงานมาสด้าในประเทศญี่ปุ่น และวางจำหน่ายในรูปแบบจำกัดจำนวนเพียง 100 คันเท่านั้น ในด้านพละกำลังจะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ SKYACTIV-G ขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ 223 กม./ชม. ขณะที่สนนราคาทางมาสด้าจะวางราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณการณ์ 2.4 ล้านบาท
MG Cyberster
MG Cyberster รถสปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้า 100% แบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยประตูปีกนก (Scissor Doors) ภายในห้องโดยสารให้ลุคสปอร์ตด้วยการใช้สีแดง Wine-red วัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม โดยในรุ่นที่นำมาโชว์ตัวในงานจะเป็นรุ่นพวงมาลัยซ้าย ขุมพลังมอเตอร์คู่ 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 725 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน3.2 วินาที แบตเตอรี่ความจุ 77 kWh โดยทางเอ็มจี ได้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจสามารถจองสิทธิ์ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 29 พย.ถึง 31 ธค. 2566 ด้วยเงื่อนไข จอง 10,000 บาท สามารถแลกรับส่วนลดได้ 50,000 บาท
NETA GT
NETA GT เป็นรถยนต์ไฟฟ้าตัวถัง 2 ประตู คูเป้ ที่ถูกนำมาจอดโชว์ตัวในงานนี้ แต่ยังไม่มีการวางจำหน่ายแต่อย่างใด โดยในเวอร์ชั่นที่นำมาจัดแสดงนี้จะมี 2 รุ่นคือ Long Range มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง กำลัง 231 แรงม้า แบตเตอรี่มีความจุ 74.48kWh สามารถขับได้ไกล 660 กม.และ รุ่น Performance ที่ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ AWD ให้กำลัง 462 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ใน 3.7 วินาที แบตเตอรี่มีความจุ 78kWh สามารถขับได้ไกล 580 กม./การชาร์จ
GAC Hyper SSR
อีกหนึ่งตัวเด็ดตัวตึงภายในงาน Motor Expo 2023 ครั้งนี้ต้องยกให้ทางบูธของทาง GAC ที่ได้นำนวัตกรรมที่เด็ดของทางค่ายมาโชว์อย่างเจ้า GAC Hyper SSR ซุปเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 1,224 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 1.9 วินาที ชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 506 กม. โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นได้ถูกเปิดวางจำหน่ายไปแล้สที่ประเทศจีนโดยมีราคาค่าตัวอยุ่ที่ 1,286,000 หยวน หรือประมาณ 6.44 ล้านบาท
Deepal L07
ถ้าพูดถึงรถไฮไลท์ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 ในปีนี้ รถยนต์ไฟฟ้าถือว่าเป็นประเภทรถที่ได้รับการพูดภึงมากที่สุดเพราะบรรดาค่ายรถหลาย ๆ แบรนด์ ต่างขนทีเด็ดของทางค่ายมาประชันกันในงานนี้อย่างคับคัง หนึ่งในนั้นก็คือทางแบรนด์ CHANGAN ที่ในงานนี้ได้เปิดตัว พร้อมประกาศราคารถของทางแบรนด์พร้่อม ๆ กันถึง 2 รุ่นคือ Deepal L07 และ Deepal S07 ขณะที่หนึ่งไฮไลท์ในงานขอยกให้ Deepal L07 ซีดานไฟฟ้า ที่เปิดราคาค่าตัวออกมา 1.329 ล้านบาท ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวให้กำลัง 190 แรงม้า และแบตเตอรี่ที่มีขนาดความจุ 66.8 kWh ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง วิ่งได้ระยะทาง 540 กม.
ORA 07
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือเจ้าเหมียวไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้เรือธงรุ่นใหม่ตัวแรงของทาง GWM อย่าง ORA 07 ที่ใช้เวทีในงาน Motor Expo 2023 นี้เปิดราคาออกมาได้แบบเรียกเสียงฮือได้ขนาดใหญ่ด้วยค่าตัวเริ่มที่ 1.299 ล้านบาท โดยเจ้า จะมีให้เลือก 2 รุ่นคือ รุ่น Long Range มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลัง 204 แรงม้าแบตเตอรี่ LFP ขนาดความจุ 63.9kWh สามารถขับได้ไกล 555 กม./การชาร์จ และรุ่น Performance มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อนสีล้อ 4WD ให้กำลัง 408 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ใน 4.3 วินาที แบตเตอรี่มีความจุ 83.5kWh สามารถขับได้ไกล 600 กม./การชาร์จ
BYD Yangwang U8
สำหรับค่าย BYD ในปีนี้ก็นำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจัดแสดงอย่างเต็มอัตราศึก แต่ตัวที่ดูจะเป็นที่เด็ด และดึงดูดความสนใจผู้ที่เข้าชมงานคงต้องยกให้ Yangwang U8 อีกหนึ่งรุ่นที่เป็นซับแบรนด์ของทางบีวายดี โดย Yangwang U8 เป็นแบรนด์ไฮเอ็นท์ของทางบีวายดี ที่ตัวรถอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสุด โดยเฉพาะเทคโนโลยีการหมุนกลับรถแบบ 360 องศา โดยควบคุมและคำนวณรอบการหมุนของมอเตอร์อิสระ 4 ล้อ เป็นครั้งแรกของไทย ในด้านขุมพลังจะมีพละกำลังที่มากถึง 1,180 แรงม้า มาพร้อมเทคโนโลยี e4(อีโฟร) แพลตฟอร์มมอเตอร์ไฟฟ้า แยกอิสระ 4 ล้อ พร้อมติดตั้งชุดแบตเตอรี่ Blade Battery/ ขนาด 49.05 kWh ชาร์จไฟเต็ม 100% สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 630 กม.
Hyundai Elantra N
ปิดท้ายรถรถเก๋งตัวแรงของทางค่าย Hyudai อย่างเจ้า Hyundai Elantra N รถสปอร์ตตัวแรงที่จะมาเป็นคู่แข่งของทาง Civic Type R โดยถือว่าเป็นรถตระกูล Elantra N ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทย นับเป็นประเทศแรกในตลาดต่างประเทศของโลกที่จำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 280 แรงม้า ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 8 จังหวะ (DCT) ไปยังคู่ล้อหน้า มาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบ Adaptive ใช้ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Rack-mounted Motor Driven Power Steering (R-MDPS) และเทคโนโลยีระบบวาล์วท่อไอเสียแบบแปรผันที่สร้างเสียง Pop-corn Sound ใช้ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Rack-mounted Motor Driven Power Steering (R-MDPS) โดยทางฮุนไดเปิดราคาจำหน่ายในไทยที่ 2,999,000 บาท
สำหรับ 10 ไฮไลท์ทีเด็ดที่ทางทีมงาน Autostation.com นำมาเสนอนี้ในครั้งนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรถยนต์ที่ถูกจัดแสดงไว้ภายในงาน Motor Expo 2023 โดบภายในงานยังมียนตกรรม อีกมากมายหลายรุ่นโชว์แทบจะทุกเซกเมนต์ นอกจากนี้ยังมีรถมอเตอร์ไซค์ใหม่เท่ ๆ อีกเพียบ สำหรับใครที่สนใจก็หาเวลาไปเดินชมกันได้
สำหรับงาน Motor Expo 2023 (มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023) จะถูกจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 พย. ถึง 11 ธค. นี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ (ฮอลล์ 1-3) อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยเปิดให้เข้าชมงาน วันธรรมดา 12.00-22.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 11.00-22.00 น.
