หลังจากที่ทาง GWM ได้เปิดตัว Compact SUV อย่าง HAVAL JOLION ออกมาเมื่อ 1 ปี ที่แล้ว ซึ่งก็สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ๆ ให้กับวงการยานยนต์ในบ้านเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นราคาเปิดที่ต่ำกว่าล้านบาท บวกกับออปชันที่จัดมาแบบชุดใหญ่ ทำเอาค่ายรถญี่ปุ่นถึงกับมีสะดุง
โดย HAVAL JOLION ที่เปิดตัวออกมาตอนนั้นมีให้เลือก 3 รุ่น คือรุ่น TECH, PRO และรุ่น ULTRA ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้จะมีราคา และออปชั่นที่ให้มานั้น ค่อนข้างที่จะใกล้เคียงกัน จึงทำให้ลูกค้าเกิดความลังเลว่าจะเล่นรุ่นไหนดี รวมทั้งกลุ่มลูกค้าบางคนก็ไม่ค่อยสนใจออปชั่นความช่วยเหลือ ต่าง ๆ ที่ให้มาจึงเกิดความลังเลในการตัดสินใจที่จะซิ้แมาครอบครอง ซึ่งราคาที่เปิดตัวออกมา ณ ตอนนั้น อยู่ที่ 879,000-999,000 บาท
จนทำให้ล่าสุดทางเกรทวอล์มอเตอร์ จึงได้เก็บข้อมูลจากลูกค้า แล้วนำมาประมวลเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ข้อ ทาง GWM จึงได้ทำการตัดรุ่นย่อยที่เเป็นรุ่นล่าง และรุ่นกลาง อย่าง TECH, PRO ออกคงเหลือไว้เพียงแต่รุ่น ULTRA ที่เป็นรุ่นท็อป พร้อมกับเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ ที่ใช้ชื่อว่า HAVAL JOLION Sport
HAVAL JOLION Sport นั้นจะได้รับการเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ซึ่งก่อนที่จะเปิดราคาออกมานั้นทาง GWM ก็ได้เชิญสื่อมวลชน เข้าร่วมสัมผัสเจ้าสิงห์โตตัวใหม่นี้กันก่อนล่วงหน้า ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ทางทีมงาน Autostation.com ได้รวบรวมมาไว้ให้แล้วในบทความนี้ ไปติดตามกันได้เลยครับ
สำหรับ HAVAL JOLION Sport เป็นรถเอสยูวีรุ่นย่อยใหม่ ที่ได้ปรับเปลี่ยนในหลาย ๆ จุด ทั้งรูปลักษณ์หน้า โดยเฉพาะในส่วนด้านหน้ารถ และละเอียดภายใน ที่เสริมบุคลิคให้ดูสปอร์ต ดุดันมากขึ้น อีกทั้งยังปรับลดออปชันการใช้งานเท่าที่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ เพื่อที่จะช่วยลดราคาค่าตัวลงจากเดิม และเพื่อให้มาตีตลาดกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
ดีไซน์ภายนอกปรับใหม่ ดูสปอร์ตดุดันขึ้น
HAVAL JOLION Sport ได้รับการปรับเปลี่ยนดีไซน์จากรุ่นเดิม เน้นความเรียบหรู ให้มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น โดยงานออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกมาพร้อมกับภาษาการออกแบบที่เรียกว่า Rise Up Your Spirit เร้าทุกมิติ สปอร์ตทุกเส้นทาง สะท้อนอารมณ์สปอร์ตพร้อมทะยานไปทุกเส้นทาง ด้วยดีไซน์แบบ ALL-BLACK ดุดันมากขึ้น
มาพร้อมกระจังหน้า Black Symmetric ดีไซน์ใหม่สีดำล้วน โดดเด่นด้วยโลโก้ HAVAL ใหม่ ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า LED เต็มรูปแบบ พร้อม Daytime Running Light ดีไซน์ใหม่แบบล้ำสมัย ให้ความรู้สึกสปอร์ต
ด้านข้างเสริมความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวด้วยขอบคิ้วสีดำ ที่ลากยาวตั้งแต่ ด้านหน้าต่อเชื่อมไปยังขอบซุ้มล้อหน้า ไล่ยาวไปถึงกาบประตู สู่ซุ้มล้อหลังที่เป็นเส้นเดียว เสริมความดุด้วยล้อล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว สีดำล้วน
ส่วนด้านท้ายได้รับการติดตั้งชุดไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED เต็มระบบ นอกจากนั้ยังมาพร้อมกับชุดอุปกรณ์ตกแต่งแบบ ALL BLACK อาทิเช่น กระจกมองข้าง, Roof Rail และเสาอากาศแบบ Shark Fin เพื่อเพิ่มความเท่ และสปอร์ตยิ่งขึ้น
ในด้านมิติขนาดตัวรถของ New HAVAL JOLION Sport มีความกว้าง 1,874 มม., ยาว 4,472 มม.ฃ, สูง1,626 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,700 มม.
ภายในปรับจากความหรู เปลี่ยนให้ดูสปอร์ตขึ้น
สำหรับภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Futuristic” ที่เน้นความกว้างขวาง สะดวกสบาย ตกแต่งแบบ ALL-BLACK ตัดด้วยเส้นสายสีเงิน เพิ่มอารมณ์ความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น โดยของของเดิมจะมาในแบบสีทูโทนที่เป็นสีเบจ โโยในส่วนนี้ต้องบอกว่าชอบมากกว่ารุ่นเดิม ด้วยวัสดุที่นำมาตกแต่งนั้นดูดี แต่น่าเสียดายที่ตัดวัสดุแบบบุนุ่มออกไปทั้งที่บริเวณแผงคอนโวล และแผงประตู
ขณะที่ในส่วนเบาะที่นั่งหลังจากที่เข้าไปทดลองนั่ง และขับขี่ยังคงให้ความสบายเหมือนกับรุ่นย่อยเดิม ตัวเบาะหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ พร้อมออกแบบให้ตรงตามหลักสรีรศาสตร์ โอบกระชับ อีกทั้งยังเสริมความสะดวดสบายด้วยการปรับด้วยไฟฟ้าได้ถึง 6 ทิศทาง น่าเสียดายที่ฝั่งผู้โดยสารปรับด้วยมือ เบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้แบบ 60:40 แต่น่าเสียดายที่ไม่มีที่ที่วางแขนสำหรับเบาะหลัง
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในยังคงความล้ำสมัย และพรีเมียมเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth และ MP3 อีกทั้งยังมาพร้อมกับเครื่องเสียงที่มาพร้อมลำโพงถึง 6 ตำแหน่ง และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ
ขณะที่ระบบปรับอากาศอัตโนมัติจะเป็นแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา แต่จะต้องเข้าไปปรับที่บริเวณหน้าจอ ซึ่งเป็นการทำที่ค่อยข้างไม่สะดวก โดยในส่วนนี้น่าจะมีจุดแยก หรือชุดควบคุมออกมาติดตั้งไว้ด้านนอก ซึ่งจากที่เห็นยังมีช่องว่างบรเวณชุดควบคุมที่อยู่ด้านล่างจอวางถึง 2 ตำแหน่ง
คอนโซลกลางยังคงเหมือนเดิม โดยยังมากับชุดเกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู มาพร้อมสีพิเศษแบบ High-gloss และที่ชอบคือช่องที่อยู่ด้านข้างชุดเกียร์ที่สามารถวางอหรือเสียบโทนศัพท์ได้หลายเครื่อง รวมทั้งยังได้รับแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายอีกด้วย
ขณะที่ชุดอุปกรณ์อื่น ๆ ของ New HAVAL JOLION Sport ยังคงครบครันไม่ว่าจะเป็นช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและหลัง และช่องต่อ USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ และที่วางแขนด้านหน้า พร้อมช่องวางแก้วน้ำ โดยในส่วนที่ขาด และถูกถอดออกไปของ HAVAL JOLION Sport นั้นก็จะเป็นหลังคาซันรูฟออก
ขุมกำลังของสิงห์โตตัวใหม่
New HAVAL JOLION Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.5L ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า ให้แรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ DHT มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ มาตรฐาน, สปอร์ต, ประหยัดและ พื้นหิมะ มาพร้อมเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) ที่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว โดยเมื่อตำแหน่งเกียร์อยู่ที่เกียร์ D ให้เหยียบคันเร่ง หรือยกเท้าออกจากแป้นคันเร่งเท่านั้น
มาพร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut), ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Vertical Arm Torsion Beam)
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบความปลอดภัย ตัดออกเกือบหมด
เนื่องจากที่ต้องการปรับลดราคาเพื่อให้สู้กับคู่แข่งในตลาด C-SUV หรือจะพูดว่าออกแบบให้ตรงตาม หรือเท่าที่จำเป็นใช้งาน ในส่วนระบบระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบความปลอดภัยถูกยกออกเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบสั่งการด้วยเสียง
รวมทั้งยังได้ตัดกล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกหน้าออกไป จึงทำให้ระบบความปลอดภัย ที่พ่วงกับกล้องตัวนี้ต้องโดนตัดออกไปด้วย อาทิ ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ในเลน, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน, ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง และ Adaptive Cruise Control คงเหลือไว้เพียง Cruise Control เท่านั้น
นอกจากนั้นยังตัดถุงลมนิรภัยเหลือ 4 ใบคือ ถุุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง, ระบบควบคุมรถผ่านแอพพลิเคชั่น ระบบเตือนชนและช่วยเบรกด้านหน้า, ระบบเตือนชนด้านท้าย, กล้อง 360 องศา คงเหลือเพียงกล้องมองหลัง และเซนเซอร์ เท่านั้น
ขณะที่สิ่งที่ยังมีอยู่บนตัว HAVAL JOLION Sport ก็คือ ระบบช่วยลงทางลาดชัน, ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน , ระบบตรวจความดันลมยาง, ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่, ระบบจะแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที, ระบบไฟกระพริบเมื่อเบรกรถกระทันหัน, ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2, เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 3 จุด, Auto Break Hold, ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด, ระบบควบคุุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล และระบบเตือนเมื่อใช้ความเร็วสูง โดยจะเตือนเมื่อเกิน 120 กม.ชม.
การขับขี่
ด้านอัตราเร่งจากขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด 1.5 ลิตร ที่เคลมว่าให้กำลังไว้ที่ 190 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร อันจุดนี้ต้องยอมรับว่าเป็นรถที่สนุก เหมือนเช่นเดิม ด้านการออกตัวทำได้ดี รวมไปถึงอัตราเร่งก็มาไว ไม่ค่อยรอรอบ การขับขี่แม้ว่าจะเป็นโหมด Normal ขณะที่ในโหมด Sport ตัวรถตอบสนองได้เป็นอย่างดีคันเร่งไวขึ้นเครื่องยนต์ให้การตอบสนองอย่างรวดเร็วกำลังไฟส่งให้มอเตอร์ทำงานได้อย่างเต็มกำลังทันใจในการขับขี่ ส่วนในโหมด Eco ที่เน้นการขับขี่แบบประหยัดตัวรถก็จะเป้นไปตามรอบ ให้อัตราเร่งที่ดี ส่วนในโหมด Snow หรือหิมะนั้นก็จะรองรับในเส้นทางถนนเปียกลื่น
ในส่วนของพวงมาลัยของ HAVAL JOLION Sport ก็สามารถปรับได้ 3 ระดับเช่นเดิมแบบ Light, Comport และ Sport อันนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ตามความชอบของผู้ขับขี่ โดยในโหมด Light จะให้ความรู้สึกที่เบา ส่วนในโหมด Comport จะมีความหนืด และดูหนักมากขึ้น ขระที่ในโหมด Sport จะมีความตึงมือ และให้ความสนุกสนามในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
ในด้านตัวรถถึงจะมีพิกัดขนาดที่อยู่ใน C-SUV ซึ่งถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป การปรับเปลี่ยนช่องการเดินทางถือว่าทำได้คล่องแคล่ว เปลี่ยนเลนได้อย่างง่ายด่าย พวงมาลัยแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่ดี คม ที่สำคัญมีน้ำหนักที่ดี ไม่หน้ก และเบาจนเกินไป ส่วนด้านการออกแบบนั้นต้องบอกว่าดูดีใช้วัสดุเกรดที่ดีงามถึงจะไม่ใช้หนังหุ้มก็ตาม
ระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ควบคุมง่าย มั่นใจเอารถอยู่ แต่แป้นเบรกดูจะสูงไปนิดนึง สำหรับระบบช่วงล่างจัดว่าเป็รถเอสยูวีที่ได้ดีเกินคาด ให้ความหนึบแน่น แต่ไม่ถึงกับกระด้าง เข้าโค้งด้วยความเร็ว หรือเปลี่ยนเลนอย่างกระทันหัน ก็ไม่ค่อนรู้สึกโคลง รวมถึงจังหวะปั้มบริเวณคอสะพานตัวรถก็ไม่มีดีด หรือเด้งมากมาย
ระบบเสียงจากภายนอกตัวรถจะเข้ามาตามจังหวะการขับขี่ โดยจะมีเสียงเข้ามาในย่านความเร็วสูง อันนี้ถือว่าดีงาม
สรุป
สำหรับในด้านรูปลักษณ์หน้าตา ก็ขึ้นอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล แต่ HAVAL JOLION Sport รุ่นย่อยใหม่นี้ความเห็นส่วนตัวผมชอบ เพราะปรับแล้วดูดีขึ้น โดยปรับเปลี่ยนจากความหรู มาเป็นในแนวสปอร์ต ที่ดูดุดัน ขณะที่ภายในห้องโดยสารก็ยังคงความกว้างขวาง นั่งสบาย รวมทั้งยังปรับเปลี่ยนให้มาอยู่ในโทนสีดำ ที่ดูแลรักษาง่ายขึ้น ในด้านพละกำลังก็ยังคงความโดดเด่น โดยเฉพาะเรื่องอัตราเร่ง ที่ถือว่าไม่แพ้ใครในกลุ่มรถเซกเมนต์เดียวกัน
ขณะที่ออปชั่น และชุดอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถูกตัด และยกออกไปนั้น โดยเฉพาะในส่วนของระบบช่วยเหลือการขับขี่ และระบบความปลอดภัยเล็ก ๆ น้อย ก็อาจจะถูกก็อาจถูกจริตกับผู้ขับขี่บางกลุ่มบางท่าน ที่ชอบความเป็นธรรมชาติของตัวรถ เน้นสมรรถนะตัวรถจริง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาออปชั่น แต่ที่สำคัญนั้นคือราคาที่ต้องเปิดออกมาให้สมเหตุสมผลกับสิ่งที่ได้ถูกยก และตัดออกไป
รวมถึงยังช่วยให้แบ่งแยกให้ชัดเจนไปเลยว่าถ้าหากใครต้องการความหรูหรา ออปชั่นแบบจัดเต็ม ก็ไปในรุ่น ULTRA ส่วนถ้าใครต้องการความสปอร์ต ไม่เน้นออปชั่นที่มากมาย เอาเท่าที่เพียงพอต่อการใช้งาน ก็มาในรุ่น Sport
สำหรับ New HAVAL JOLION Sport จะได้รับการเปิดตัวพร้อมเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ต้องมารอลุ่นกันว่าจะเปิดราคาอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งทาทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้ทราบกันอีกครั้งหนึ่ง
