Honda เตรียมประกาศเปิดตัว พร้อมราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ All-New Honda Accord 2023 เจเนอเรชันที่ 11 สเปคที่จะวางจำหน่ายในไทย โดยจะมีขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม 2566 นี้
สำหรับ All-New Honda Accord 2023 เจนฯ ที่ 11 ที่กำลังจะเปิดตัวอย่างในไทย ในทุกรุ่นย่อยจะได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0 e:HEV และระบบความปลอดภัย Honda SENSING โดยคาดว่าจะมีราคาจำหน่ายเริ่มที่ 1.4 ล้านบาท ส่วนตัวท็อป RS คงจะไม่เกิน 1.8 ล้านบาท
สามารถชมรีวิวรถคันจริงได้ที่ ⇒
สำหรับ All-New Honda Accord 2023 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาใหม่ในหลาย ๆ จุด เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอก จะมาพร้อมตัวถังที่ยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่น 68 มม. มาพร้อมสันฝากระโปรงหน้าที่ลาดเอียง และยาวขึ้น ผสานกับตัวรถด้านหน้าที่ดูเฉียบคม แข็งแกร่ง
เชื่อมต่อกับเส้นสายด้านข้างตัวรถที่ยังคงเอกลักษณ์การใช้เส้นสายแนวนอน เพื่อเน้นโครงสร้างตัวถังในคอนเซปต์ Low & Wide พร้อมด้วยการใช้ชายกันกระแทกด้านข้างสีดำ อีกทั้งมีการออกแบบให้ท้ายลาด ส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูปราดเปรียว สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ดึงดูดทุกสายตา
กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตใหม่ ขนาบข้างด้วยไฟหน้า LED มาพร้อมไฟ DRL ที่เป็นเส้นตวัดลากหางยาวไปทางด้านข้างตัวรถ, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ โดยในรุ่นย่อย e:HEV EL และ e:HEV RS กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
หลังคาท้ายมาในแบบลาดเทในสไตล์รถฟาสต์แบ็ก ชุดไฟท้ายแบบพาดยาวเต็มพื้นที่ด้านหลัง เสริมความสปอร์ตด้วยเสาอากาศครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีเงิน (รุ่น e:HEV E) ส่วนในรุ่น e:HEV EL จะเป็นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตสีดำ
ส่วนในรุ่น e:HEV RS ยกระดับความสปอร์ตหรูหราอีกขั้น ด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า และด้านท้าย มาพร้อมหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา, ไฟเลี้ยวด้านหน้าและด้านหลังแบบ LED Sequential, ไฟส่องมือจับเปิดประตูด้านนอก, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ สีดำแบบสปอร์ต, ช่องระบายอากาศด้านข้างสีเงิน, เสาอากาศครีบฉลามสีดำแบบสปอร์ต, สปอยเลอร์หลังสีดำแบบสปอร์ต, ล้ออัลลอยสีดำแบบแมตต์ขนาด 18 นิ้ว
สำหรับภายในห้องโดยสานในรุ่นย่อย e:HEV RS ตัวเบาะที่นั่งจะหุ้มด้วยหนังสีดำเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง และชุดตกแต่งภายในสีเงิน Metallic ลาย 3 มิติ และสีดำ Piano Black
สำหรับชุดอุปกรณ์มาตราฐานภายในห้องโดยสาจะได้รับ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง แผงแดชบอร์ดจะมากับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อมฟีเจอร์ Google Built-in ที่มาพร้อมแอปและบริการของ Google และครั้งแรกกับฟังก์ชันการอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA ช่วยให้ผู้ใช้รถไม่เพียงสามารถอัปเดตระบบ Infotainment แต่ยังสามารถอัปเดตการทำงานของ ECU จากทางไกลได้
มาพร้อมมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว และหน้าจอ HUD ที่กระจกหน้าขนาด 11.5 นิ้ว, ช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster มีใรรุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS
อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ Experience Selection Dial ที่สามารถหมุนเพื่อเลือก และบันทึกฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศภายในรถยนต์ได้ ซึ่งจะแสดงผลบนระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสกับประสบการณ์การควบคุมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 ผู้ใช้งาน
รวมทั้งยังได้รับไฟ Ambient Light ที่ปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งใน Honda Accord e:HEV เป็นครั้งแรก จะมีในรุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS โดยสามารถเลือกโหมดการเปลี่ยนสีของไฟได้ 2 โหมด คือ โหมด Recommended Color สามารถปรับเปลี่ยนสีโดยอัตโนมัติตามสถานการณ์ และโหมด Theme Color สามารถเลือกปรับสีตามต้องการได้ โดยมีสีให้เลือก 10 เฉดสี รวมทั้งยังได้รับระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ในทุกรุ่นย่อย
สำหรับระบบความปลอดภัยจะได้รับระบบความปลอดภัย Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย โดยระบบจะทำงานระหว่างกล้องมุมกว้างด้านหน้า และเรดาร์ อาทิ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ, ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่, ถุงลม 8 ตำแหน่งในทุกรุ่นย่อย, ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว, เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด, ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง
ด้านขุมพลังขับเคลื่อนในุรุ่นย่อยจะมากับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่เป็นการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ให้กำลังรวมสูงสุด 207 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ E-CVT โดยทางฮอนด้าเคลมอัตราประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 25 กม./ลิตร
อีกทั้งยังมาพร้อมกับสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ที่ได้รับการพัฒนาโดยเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรกใน Honda Accord
ทั้งนี้ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ จะเปิดตัวในไทยทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น e:HEV E, รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS ส่วนราคาจำหน่ายจะอยู่ที่เท่าไหร่ สามารถไปฟาดฟันกับ BYD SEAL ซีดานไฟฟ้าหรู ที่เปิดราคาออกมาได้อย่างสะท้านวงการได้หรือไม่ วันที่ 17 ต.ค. นี้ ได้ทราบกันอย่างแน่นอน ซึ่งหากมีความคืบหน้า Autostation.com จะรีบนำมาอัปเดตให้ทราบโดยทั่วกัน
