GAC ในประเทศจีนประกาศเปิดราคาจำหน่าย AION UT แฮทช์แบ็กไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่นใหม่ของทางแบรนด์ โดยมีให้เลือก 5 รุ่น ชาร์จไฟวิ่งจะมีระยะทางวิ่ง 330 กม. และ 420 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) เปิดราคาจำหน่ายในจีนระหว่าง 69,800 – 101,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 3.28 – 4.78 แสนบาท
สำหรับ AION UT เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มาในรูปแบบตัวถังแฮทช์แบ็ก โดยทาง AION วางตัวให้เป็นโกลบอลโปรดักส์รุ่นที่ 3 ที่ต่อมาจาก AION Y Plus กับ AION V ที่จะเตรียมทำตลากนอกประเทศจีน รวมทั้งมีลุ้นที่จะเข้ามาในตลาดเมืองไทยด้วย โดยจากข่าวล่าสุดทาง AION ประเทศไทยพร้อมที่จะเปิดตัว AION UT ในบ้านเราที่ภายในงาน Motor Show 2025 ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือน มี.ค. นี้ ซึ่งจะเป็นสเปคพวงมาลัยขวาที่แรกในโลก และเป็นประเทศแรกในโลกต่อจากประเทศจีน ที่จะได้รับการเปิดวางจำหน่าย
ในด้านงานออกแบบดีไซน์ภายนอกของ AION UT จะมากับเส้นสายที่โค้งตั้งแต่ด้านหน้าไปจรดด้านท้าย ตัวรถจะไม่มีกระจังหน้า โดยจะมีเพียงตราโลโก้ AION แบบใหม่ที่วางอยูตรงกลาง และช่องดักอากาศทรงหกเหลี่ยนมสีดำที่อยู่ด้านล่างเท่านั้น
ขณะที่ชุดไฟหน้า จะมาในแบบแยกส่วน ด้านบนจะเป็นชุดไฟหน้ารูปทรงไข่ โดยมีไฟ DEL LED ที่เป็นรูปตัว J วางอยู่ในโคม ส่วนถัดลงมาด้านล่าง จะเป็นชุดไฟตัดหมอกที่เป็น LED วางเรียงซ้อนกัน 4 ดวงในกรอบทรงเหลี่ยมสีดำ
ด้านเส้นสานด้านข้างมากับความเรียบเนียม มือเปิดประตูเป็นแบบกึ่งซ่อน พร้อมดีไซน์ให้หลังคามาในแบบลอยตัว โดยตกแต่งเสา B และ C ด้วยแถบสีดำ
ขณะที่ด้านท้ายจะมากับชุดไฟท้ายทรง C-shaped เสริมความสปอร์ตให้กับตัวรถด้วยสปอยเลอร์หลังคาขนาดใหญ่ ส่วนชุดล้อจะมาในแบบ Aero Wheel ที่จะช่วยลดแรงต้านอากาศ โดยจะมีขนาด 16 หรือ 17 นิ้ว (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย)
ในด้านขนาดมิติตัวรถจะมีความยาว 4,270 มม. กว้าง 1,850 มม. สูง 1,575 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 2,750 มม. ขณะที่น้ำหนักตัวรถจะอยู่ที่ 1,510 – 1,540 กก.
ภายในห้องโดยสารเป็นแบบฉบับของรถยนต์ไฟฟ้าสมทัยใหม่ ที่ลดการใช้ปุ่มสั่งงงาน แผงแดชบอร์ดจะมากับมาตรวัดดิจิทัลขนาด 8.8 นิ้ว ที่วางตั้งอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสองก้าน
ส่วนตรงกล่งคอนโซลหน้าจะเป็นหน้าจออินโฟนเทนเมนต์ที่ควบคุมการสั่งงานโดยมีขนาด 14.6 นิ้ว ที่ถูกวางแบบแขวน มาพร้อมระบบปฏิบัติการ GAC’s ADiGO 5.0 และรองรับการเชื่อมต่อ 3 ระบบได้แก่ HiCar, CarLink และ CarPlay มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงแบบ AI นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงระดับ 2 (มีเฉพาะในรุ่นท๊อปเท่านั้น)
ด้านคอนโซลกลางนั้นจะถูกออกแบบให้มีขนาดเล็ก และสั้น ไม่ต่อกับคอนโซลหน้า โดยจะมีเพียงช่องวางแก้วน่้ำ 2 ช่อง และแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายเท่านั้น
ส่วนตัวเบาะที่นั่ง เบาะคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมระบบนวด และระบบอุ่นเบาะ โดยทางผู้ผลิตเผยว่า สามารถปรับอุณหภูมิจาก 0° – 20°C ในเวลาเพียง 30 วินาทีเท่านั้น
นอกจากนั้นยัง ปรับพับได้ราบเรียบ ขณะที่เบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้แบบ 60/40 มาพร้อมพื้นที่เก็บของด้านท้ายที่มีความจุอยู่ที่ 440 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังลงจะเพิ่มพื้นที่ได้มากถึง 1,600 ลิตร
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้รับชุดไฟ Ambient Light รอบห้องโดยสาร มาพร้อมการอัปเดต OTA รวมทั้งยังได้รับ Wi-Fi ในรถ, ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 2 – 6 ตัว (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย) และรีโมตคอนโทรลโทรศัพท์มือถือ ปิดท้ายด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิกขนาด 1.8 x 1.77 ม. ที่จะช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ AION UT EV สเปคที่ขายในจีนจะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรตัวเดียวที่วางอยู่คู่ล้อหน้าให้กำลังสูงสุด 100 kW (134 แรงม้า) ตัวรถจะทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 150 กม./ชม.
มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ LFP ที่ให้เลือก 4 ขนาดความจุได้แก่ 34.868 kWh / 44.257 kWh / 44.12kWh และ 44.133 kWh ชาร์จไฟเต็มจะให้ระยะทางวิ่ง 330 กม. และ 420 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) ให้อัตราสิ้นเปลืองพลังงานอยู่ที่ 11.4 kWh/100 กม. (ตามมาตรฐาน WLTC) พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว (Fast Charging) สามารถชาร์จจาก 30% – 80% ได้ภายใน 24 นาที
AION U ที่เปิดวางจำหน่ายในจีน จะมีเฉดสีตัรถให้เลือก 6 เฉดสี ได้แก่ สีแดง / สีเงิน / สีขาว / สีเบจ / สีม่วง และสีเขียว เปิดราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 69,800 – 101,800 หยวน หรือราว ๆ 3.28 – 4.78 แสนบาท โดยจะมีคู่แข่งโดยตรงกับในตลาดเมืองจีนทั้ง BYD Dolphin รวมถึง Geely Geome Xingyuan, Baojun Cloud, Dongfeng Nammi 01, JAC Yiwei 3 และ Ora 03 หรือ Ora Good Cat ในตลาดเมืองไทย ซึ่งทั้งหมดจะเป็นรถในรูปแบบแฮทช์แบ็กไฟฟ้า
ส่วนสเปคในเมืองไทยนั้นต้องมารอลุ้นกันว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งจากข่าววงในเผยว่าจะมีแบตเตอรี่ให้เลือก 2 ขนาด ชาร์จไฟวิ่งได้ 400 กม. และ 500 กม.
ส่วนสนนราคาค่าตัวในไทยนั้น คาดว่าคงไม่หนีสเปคที่เปิดวางขายในจีนเท่่ไหร่ โดยมีลุ้นราคาจำหน่ายรุ่นเริ่มต้นไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งรายละเอียดโดยรวมทั้งหมดของ AION UT คงต้องมารอกันในช่วงเปิดตัวซึ่งจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่จะถึงนี้
ซึ่งหากมีความคืบหน้า และข้อมูลเพิ่มเติมออกมาอย่างไรทางทีมงาน Autostation.com จะนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบโดยทันที