หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข้อมูล และภาพบางส่วนของ NETA V รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ในเมืองจีน ที่หลุดออกมาจากทาง MIIT หรือ กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศในจีน ที่มาพร้อมกับหน้าตาใหม่ และเตรียมเปลี่ยนชื่อใหม่มาใช้ชื่อว่า NETA AYA
ล่าสุดทางทาง Hozon Auto แบรนด์ผู้รถยนต์ไฟฟ้า NETA ของจีนได้เปิดตัว และพร้อมวางจำหน่าย NETA AYA (อายะ) รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ของ NETA V อย่างเป็นทางการแล้วในประเทศจีน โดยจะมาพร้อมกับรูปลักษณ์หน้าตาที่ปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งในส่วนด้านหน้า และด้านหลังของตัวรถ รวมทั้งยังได้รับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ L2 ด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าให้ให้เลือก 2 ขนาด คือเคือ 40kW และ 70kW ให้กำลัง 53 และ 95 แรงม้าตามลำดับ รวมถึงแบตเตอรี่ก็จะมีให้เลือก 2 ขนาดคือชาร์จไฟเต้มวิ่งได้ระบะ 318 และ 401 กม.
สำหรับ NETA AYA ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ในตลาดเมืองจียจะมีถึง 4 รุ่นย่อย เคาะราคาจำหน่ายระหว่าง 73,800 – 88,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 3.58 – 4.31 แสนบาท
ในด้านงานออกแบบส่วนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จะเป็นในส่วนของบริเวณกันชนหน้าที่ โดยในโฉมใหม่นี้จะออกแบบให้มีช่องดักอากาศสีดำที่มีขนาดใหญ่ มาในรูปทรงตัว U คว่ำ ขณะที่ในรุ่นปัจจุบันจะมีขนาดเล็ก
นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับช่องรับลมแนวตั้งที่อยู่ด้านข้างกันหน้าทั้ง 2 ฝั่ง และเสริมเพิ่มความหรูหราด้วย คิ้วสีเงินใต้กันชนหน้า และยังตกแต่งด้านในช่องดักลมด้วยเม็ดสีเงินที่ส่องประกายคล้ายกับดวงดาวที่ทาง NETA เรียกว่า Starlight
ส่วนด้านชุดไฟหน้า และแนวฝากระโปรงนั้นยังคงรูปทรงเดิม ขณะที่เส้นสายด้านข้างของตัวรถนั้นก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ส่วนที่ปรับเปลี่ยนใหม่จะเป็นเพียงในส่วนของลวยลายล้ออัลลอยใหม่ที่จะมาในแบบทูโทนปัดเงา ลวยลายคล้ายกับใบพัดกังหันลม
ส่วนด้านท้ายจะเป็นอีกจุดที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่เกือบทั้งหมด เริ่มจากชุดไฟท้ายจากเดิมที่เป็นชุดไฟท้ายแบบ LED ที่มาในดีไซน์แบบโฉบเฉี่ยว ปรับเปลี่ยนใหม่เป็นไฟท้าย LED แบบ Meteor ที่วางพาดยาวเต็มความกว้างของด้านหลัง
อีกทั้งยังมากับฝาท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมออกแบบให้มีช่องสำหรับสอดมือเข้าไปเปิดฝาประตูท้ายที่อยู่เหนือแผ่นป้ายทะเบียน
นอกจากนั้นยังปรับเปลี่ยนในส่วนของกันชนท้ายใหม่ให้มีขนาดที่เล็กลงจากเดิม อีกทั้งในส่วนของไฟทับทิมที่เป็นทรงเรียวขนาดใหญ่ เปลี่ยนมาเป็นชุดไฟทับทิมแบบเรียวยาวเล็ก
ขณะที่ขนาดตัวถังยังคงเดิมโดยมีความยาว 4,070 มม., กว้าง 1,690 มม., สูง 1,540 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,420 มม.
ภายในห้องโดยสารของ NETA AYA ยังคงภาษาการออกแบบของ Neta V พวงมาลัยแบบสปอร์ตแบบสองก้าน มาพร้อมแผงหน้าปัดบางขนาด 12 นิ้ว และหน้าจออินโฟนเทนเนต์ขนาด 14.6 นิ้ว ที่มาในแบบแนวตั้ง
รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Android และ iOS พร้อมกับติดตั้งชิป MT8675 จาก MediaTek ที่มีประสิทธิภาพคล้ายกับโปรเซสเซอร์ 8155 จาก Qualcomm
ขณะที่ส่วนที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดของ AYA ก็คือสีสันภายในห้องโดยสารที่จะมาในแบบทูโทนที่จะทั้งสีขาวสลับดำ, สีฟ้าตัดสลับสีขาว และสีดำคลาสสิคทั้วทั้งห้องโดยสาร ซึ่งก่อนหน้านี้ Neta V จะมีเฉดสีภายในสีดำและสีชมพูเท่านั้น
นอกจากนั้นยังได้รับกระจกมองหลังแบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่, ระบบทำความร้อนกระจกมองหลังภายนอกแบบไฟฟ้า, เบาะนั่งด้านหน้าแบบอุ่น และกระจกไฟฟ้าแบบ 4 บาน มาพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุ 588 ลิตร
สำหรับระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่จะได้รับการติดตั้งระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะระดับ L2 ที่มาพร้อมกับ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบเตือนการชนคนเดินถนน, ไฟสูง/ต่ำอัจฉริยะ, ระบบเตือนจุดบอด, ระบบช่วยเปลี่ยนเลน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบเตือนรถออกจากเลน, ระบบจดจำป้ายจราจร, ระบบเตือนการขับขี่เมื่อยล้า, ระบบเตือนการสตาร์ทรถด้านหน้า และระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ เป็นต้น
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนจะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าให้เลือก 2 ขนาดคือมอเตอรืไฟฟ้าขนาด 40kW ให้กำลัง 53 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 70kW ให้กำลัง 95 แรงม้า แรงบิตสูงสุด 150 นิวตันเมตร มีโหมเการขับขี่ให้เลือก 2 โหมดคือ Normal, SPORT
มาพร้อมแบตเตอรี่ LFP ที่ให้เลือก 2 ขนาดชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทาง 301 กม. และ 401 กม. รองรับการชาร์จแบบ AC ขนาด 3.3kW ที่ชาร์จไหจาก 0 – 100% ภายใน 10 – 12 ชม. รวมถึงรองรับการชาร์จ AC ขนาด 6.6kW ที่ชาร์จไฟเต้มภายในเวลา 6 – 8 ชม.
นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จไฟแบบ DC ที่จะให้กำลังไฟจาก 30-80% ภายใน 30 นาที มาพร้อมฟังก์ชั่น V2L ที่สามารถปล่อยกระแสไฟไปยังชุดอุปกรณ์ภายนอกได้อีกด้วย
สำหรับราคาจำหน่ายของ NETA AYA รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ของ NETA V ในตลาดเมืองจีนจะมีราคาจำหน่ายระหว่าง 73,800 – 88,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 3.58 – 4.31 แสนบาท โดยจะออกหมาเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ BYD Seagull และ Wuling Bingo
ส่วนตลาดเมืองไทยคาดว่าในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่นี้คงจะเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราอย่างแน่นอนส่วนจะเป้นช่วงเวลฃาไหนนั้นต้องติดตามกันให้ดี โดยทางทีมงาน Autostation.com จะติดตาม และนำรายงานให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง