ต่อจากกรณีที่ทาง อีวี ไพรมัส ได้ประกาศแผนธุรกิจปี 2568 ในการประชุมผู้จำหน่ายทั่วประเทศ มุ่งเน้นจุดยืนของแบรนด์วู่ลิง ให้เป็น อีวี ซิตี้ คาร์ (EV CITY CAR) อันดับหนึ่งของไทย โดยได้ปรับราคาจำหน่าย AIR EV และ BINGUO EV ลง
พร้อมกันนี้ยัเตรียมที่จะเปิดผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่อีก 2 รุ่นในปี 2568 นี้ โดยคาดว่าในรุ่นแรกที่เตรียมจะส่งลงตลาดในช่วงต้นปีก็คาดว่าจะเป็น WULING Cloud EV แฮทช์แบ็กไฟฟ้า ที่ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวไปในอินโดนนีเซีย เพื่อนบ้านย่านอาเซียนของเราเมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา
สำหรับ WULING Cloud EV นั้นก็จะเป็นโมเดลเดียวกันกับ Baojun Cloud ที่มีขายในจีน ซึ่งจะมีการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนตรามาเป็นแบรนด์ WULING คล้ายๆกับรุ่น AIR EV
โดยในสเปคที่จะนำมาเปิดวางขายในบ้านเรานี้จะเป็นการนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าจะได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางในไทยช่วงเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งก็คาดว่าจะเป็นที่ในงาน Motor Show 2025 ที่จะถูกเปิดฉากในช่วงวปลายเดือน มี..ค ที่จะถึงนี้
สำหรับ WULING Cloud EV นั้นจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มาในในรูปแบบแฮทช์แบ็กไฟฟ้า ที่มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า WULING BINGUO EV โดยจะมีมิติคาวมยาวอยู่ที่ 4,295 มม. กว้าง 1,850 มม. สูง 1,652 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,700 มม.
ในด้านรูปลักษณ์จะมีเส้นสายของตัวรถที่โค้งมน ตั้งแต่หน้าไปจนถึงด้านท้าย ตัวรถจะไม่มีกระจังหน้า ชุดไฟหน้าจะเป็นแบบแยกส่วน โดยไฟ DRL จะเป็นเส้นเรียวยาววางพาดเต็มในส่วนหน้า ขณะชุดไฟส่องสว่างจะอยู่ในโคมทรงสี่เหลี่ยมคางหมู
ด้านข้างตัวรถออกแบบให้ในส่วนของเสา B และ C ที่ด้านท้ายให้เป็นแถบสีดำเพื่อทำให้ตัวหลังคารถนั้นมาในแบบลอยตัว
มือเปิดประตูมาในแบบซ่อนที่ราบไปกับตังรถ อีกทั้งยังดีไซน์ให้ในส่วนของซุ้มล้อมีถูกตีโป่งเล็กน้อย ทำให้ตัวรถนั้นดูมีมัดกล้ามมากขึ้น
มาพร้อมล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว ที่ออกแบบลวดลายให้สอดรับกับระบบแอร์โรไดนามิค รัดด้วยยางขนาด 215/55 R18 ด้านมือเปิดประตูเป็นแบบราบไปกับตัวรถ
ขณะที่ชุดไฟท้ายออกแบบให้เป็นรูปตัว U ขนาดใหญ่วางพาดเต็มพื้นที่ส่วนท้าย เติมลุคสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังคา มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3
ภายในห้องโดยสารจะเป็นแบบ 5 ที่นั่ง ถูกตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้ที่คอนโซลหน้า รวมทั้งคอนโซลกลาง อีกทั้งยังเติมความหรูหราด้วยแถบสีทอง Rose Gold ที่แผงประตูข้าง และที่คอนโซลหน้า
ขณะที่แผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้งเพียงพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape ที่วางอยู่ด้านหน้าแผงหน้าปัดแบบ LCD ขนาด 8.8 นิ้ว มาพร้อมหน้าจอควบคุมส่วนกลางแบบลอยตัวขนาด 15.6 นิ้ว อีกทั้งด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งของคอนโซลหน้าจะมีช่องวางแก้วติตดั้งเอาไว้ฝั่งละ 1 ช่อง
ด้านคอนโซลกลางนั้นจะถูกออกแบบให้มีช่องวางของขนาดใหญ่ และแท่นชาร์จสมาร์ตโฟน นอกจากนี้ยังได้รับการติตดั้งระบบจดจำเสียง และการโต้ตอบด้วยเสียง พร้อมระะบบควบคุมระยะไกลผ่านแอพ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ และ กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360°
ขณะที่ชุดอุปกรณ์อื่น ๆ ภายในของ WULING Cloud EV จะมากับชุดไฟ Ambient light 256 สี, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปิดท้ายด้วยประตูท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ
ส่วนเบาะที่นั่งออกแบบการตัดเย็บที่เรียกว่า Cloud Sofa หุ้มด้วยหนังเกรดพรีเมียม ให้ความนุ่มสบายทุกอิริยาบท เบาะฝั่งผู้ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง นอกจากนั้นเบาะตอนหน้ายังสามารถปรับพับให้ราบเรียบได้ ส่วนเบาะหลังยังปรับเอนได้มากถึง 135 องศา นอกจากนั้ยังอกแบบให้มีช่องเก็บของที่มาถึง 18 ช่องทั่วห้องโดยสาร
ส่วนพื้นที่ด้านท้ายมีพื้นที่เก็บสัมภาะระที่มีความจุมากถึง 606 ลิตร และสามารถเพิ่มได้ถึง 1,707 ลิตรเมื่อปรับพับเบาะหลังลง
ด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่จะได้รับ ระบบ ESC, ระบบเบรก ABS, ระบบช่วยขึ้นลงในทางลาดชัน, ระบบ Auto Hold, ระบบตรวจสอบแรงดันลมนยาง, กล้อง 360 องศา, ระบบเตือนคนเดินถนนด้วยความเร็วต่ำ, ไฟสูง – ต่ำอัตโนมัติ, ไฟ FOLLOW ME HOME, ระบบจอดรถอัจฉริยะ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เป็นต้น
ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ WULING Cloud EV เวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในอินโดนีเซีย จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยวไว้ที่คู่ล้อหน้าให้กำลัง 100kW หรือ 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร
มาพร้อแบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟตขนาด 50.6kWh ชาร์จไฟ 1 ครั้งวิ่งได้ 460 กม./ชาร์จ (ตามาตรฐาน CLTC) รองรับการชาร์จทั้งช้าและเร็ว โดยถ้าชาร์จไฟแบบ DC จะให้กำลังไฟจาก 30% – 80% ภายใน 30 นาที ด้านระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คฟอร์สัน ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม มาพร้อมดิสก์เบรหน้า – หลัง
WULING Cloud EV ที่เปิดขายนอินโดนีเซียจะมีให้เลือก 4 เฉดสีด้วยกันได้แก่ สีฟ้า Maltese Blue, สีชานม Milk Tea, สีดำ Starry Black และสีขาว Pristine White
ส่วนราคาจำหน่ายที่ในอินโดนีเซียนั้นจะมีราคาเริ่มที่ 410,000,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 8.46 แสนบาท ขณะที่สเปคเวอร์ชันที่จะนำเข้ามาในบ้านเรานี้ คงต้องมารอลุ้นกันว่าจะแตกต่างจากในอินโดนีเซียมากน้องขนาดไหน รวมทั้งจะเปิดราคาจำหน่ายไว้ที่เท่าไหร่ ส่วนคู่แข่งในตลาดนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นรถที่มาจากบ้านเดียวกันอย่างในจีนทั้ง BYD Dolphin รวมทั้ง NETA X
ทั้งนี้หากมีข้อมูลเพิ่มเติมออกมาอย่างไร ทางทีมงาน Autostation.com จะรีบนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งหนึ่งครับ