ในปัจจุบันทาง ZEEKR แบรนด์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชูรี ที่อยู่ในสังกัดของทาง Geely มีรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำตลาดในเมืองไทยอยู่ 2 รุ่นได้แก่ ZEEKR X ครอสโอเวอร์ไฟฟ้า และ ZEEKR 009 MPV ไฟฟ้าแบบ 6 ที่นั่ง
ล่าสุดในปี 2568 นี้ ทางซีคเกอร์ เตรียมส่งรถรุ่นใหม่ลงมาเพิ่มโดยจะเริ่มจาก ZEEKR 009 เอ็มพีวีไฟฟ้า ที่จะมาในแบบ 7 ที่นั่ง โดยจะมีกำหนดการณ์เปิดตัวในไทยวันที่ 18 ก.พ. นี้ และนอกจากนั้นยังจะตามมาสมทบอีกรุ่นก็คือ ZEEKR 7X รถเอสยูวีไฟฟ้า 5 ที่นั่ง สุดพรีเมียม ที่เคยนำมาโชว์ตัวให้เห็นกันไปแล้วที่ในงาน Motor Expo เมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนั้นยังเป็นแบบสเปคพวงมาลัยซ้าย แต่รุ่นที่จะเปิดตัววางขายในไทยครั้งนี้จะมาในแบบพวงมาลัยขวา โดยคาดว่าจะเปิดตัววางจำหน่ายในช่วงเดือนมีนาคม 2568 นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่ในงานมอเตอร์โชว์ 2025 ที่จะมีขึ้นปลายเดือนมีนาคมนี้
สำหรับ ZEEKR 7X นั้นจะเป็นรถในรูปแบบเอสยูวีไฟฟ้า ที่มีขนาดตัวถังใหญ่กว่า ZEEKR X โดยจะเข้ามาทำตลาดแข่งขันกับ Changan Deepal S07, TESLA MODEL Y และ XPENG G6
ZEEKR 7X นั้นคาดว่าจะเป็นหนึ่งในรถรุ่นใหม่ที่ถูกปิดตัวในไทย ตามแผนงานของ ZEEKR ประเทศไทย ที่เคยประกาศไว้ว่าจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอย่างน้อยปีละ 1 รุ่น
ในด้านงานดีไซน์ก็จะเหมือนกับสเปคที่เป็นพวงมาลัยซ้ายที่เคยนำมาโชว์เมื่อปลายที่แล้ว โดยตัวรถจะมาพร้อมกับภาษางานออกแบบที่เรียกว่า Hidden Energy Design ของทาง ZEEKR
งานออกแบบภายนอกตัวรถจะมากับความล้ำสมัย กระจังหน้าแบบทรงปิดทึบ ด้านบนเป็นแถบชุดไฟ LED ZEEKR STARGATE ที่วางเต็มความกว้างของส่วนหน้ารถ ซึ่งสามารถส่งข้อความและรูปภาพไปยังผู้คนนอกรถได้ มาพร้อมกล้องรอบคันที่ติดตั้งอยู่บริเวณซุ้มล้อหน้า / ด้านล้างของกระจกมองข้าง และที่ด้านท้าย
ด้านข้างมากับความเรียบหรูที่ออกแบบให้สอดรับกับระบบแอร์โร่ไดนามิค มือเปิดประตูแบบราบเรียบไปกับตัวรถ นอกจากนั้นยังมาพร้อมกล้อง ToF 3D พร้อมหน้าจอสัมผัสที่ติตดั้งอยู่บนริเวณเสา B เพื่อทำหน้าที่ปอดล็อดประตู โดยผ่านการสแกนใบหน้า รวมทั้งยังสามารถโต้ตอบกับผู้คนที่อยู่ด้านนอกรถ (สเปคนี้จะเป็นแบบที่วางจำหน่ยาในจีน ซึ่งยังไม่ความชัดเจนว่าเวอร์ชันไทยแลนด์นั้นจะนำเข้าติดตั้งหรือไม่)
ขณะที่ส่วนด้านท้ายออกแบบไฟท้ายให้เป็นแบบเส้นวางพาดยาว โดยมีกล้องคั้นอยุ่ตรงกลาง ขณะที่ชื่อแบรนด์ ZEEKR ถูกนำไปติดตั้งไว้ตัวกระจกบานหลัง โดยทางผู้ผลิตเคลมว่าจะมีแรงต้านอากาศอยู่ที่เพียง 0.618 cd
ในด้านขนาดมิติตัวรถของ 7X นั้นจะเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลางคันแรกของแบรนด์ โดยมีความยาว 4,825 มม. กว้าง 1,930 มม. สูง 1,666 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,925 มม.
ภายในห้องโดยสารจะรองรับได้ 5 ที่นั่ง ออกแบบใหม่มีพื้นที่มีความกว้างขวาง เหมาะสำหรับครอบครัวยุคใหม่ โดยในส่วนของแผงแดชบอร์ดจะมากับงานออกแบบที่เรียบหรู โดดเด่นด้วยหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 16 นิ้ว ที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8295 มาพร้อมแผงหน้าปัด LCD ขนาด 13.5 นิ้ว ที่วางฝังไว้อยู่บนคอนโซลหน้า โดยมีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง 3 ก้านวางอยู่ด้านหน้า นอกจากนั้ยังมาพร้อมกับชหน้าจอ HUD ขนาด 36 นิ้วที่สะท้อนภาพเสมือนจริงไปยังกระจะบังลมหน้า
เบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 มีถาดวางของที่พับจากด้านหลังของเบาะที่นั่งด้านหน้า (เหมือนกับถาดบนเครื่องบิน) โดยเมื่อเปิดออกจะถูกติดตั้งหน้าจอความบันเทิง OLED ขนาด 13 นิ้ว ที่มีความคมชัดระดับ 2.5K
นอกจากนี้เบาะนั่งด้านหลังยังมีระบบเบาะอุ่นและระบบระบายอากาศ สามารถควบคุมได้บนหน้าจอสัมผัสที่อยู่บนที่วางแขนตรงกลาง อีกทั้งยังได้รับกล่องเก็บความเย็นที่อยู่ด้านท้ายของคอนโซลกลางระหวาางเบาะคู่หน้า รวมทั้งยังมากับหลังคาพาโนรามิก พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า
โดยทาง ZEEKR เผยว่าจะมีช่องเก็บของมากถึง 32 ช่องกระจายอยู่รอบห้องโดยสาร รวมทั้งยังมีพื้นที่เก็ยบองที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะคู่หลังที่มาในแบบลิ้นชัก อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้าเมื่อเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้น ขณะที่ด้านท้ายจะมีพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีความจุมากถึง 616 ลิตร
ในด้านระบบความปลอดภัย และเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ จะมาพร้อมชุดเซ็นเซอร์ และ LiDAR (ในไทยคาดว่าจะไม่มีระบบนี้) สำหรับช่วยเหลือการขับขี่ Haohan 2.0 แบบเดียวกับใน ZEEKR 001 และ ZEEKR 007 ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Nvidia Orin X 2 ตัว ให้พลังการประมวลผล 508 TOPS
นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับ ระบบทำลายกระจกรถหากเกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อรถเกิดเหตุจมน้ำ จะมีปุ่มกดเพื่อเคาะกระจกทำให้แตกเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถออกจากรถได้ทันท่วงที โดยทาง ZEEKR เผยว่าจะเป็นรายแรกของสวการยานยนต์ที่ติดตั้งระบบนี้ และยังเผยอีกว่าได้พัฒนาเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กอัจฉริยะ ที่มาพร้อมถุงลมนิรภัยแบบแอคทีฟเป็นรายแรกของโลกอีกด้วย
ZEEKR 7X ถูกพัฒนาขึ้นบนสถาปัตยกรรม SEA มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยระบบขับเคลื่อน Silicon Carbide E-Motor 2 ชุด ให้กำลังรวมที่ให้กำลังมากถึง 637 แรงม้า โดยในรุ่น AWD นี้จะให้อัดราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ช่วยให้ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที
มาพร้อมสถาปัตยกรรม 800V ด้านชุดแบตเตอรี่จะมีขนาดความจุที่ 100 kWh ชาร์จไฟวื่งไกล 780 กม. (มาตรฐาน CLTC)
ขณะที่ในด้านระบบช่วงล่างของ SUV ไฟฟ้าใหม่จะมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ที่จะช่วยให้มีให้ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถเพิ่มขึ้นได้ถึง 230 มม. รวมถึงยังมากับล้ออัลลอยข 20 นิ้ว และยังได้รับการติดตั้งคาลิเปอร์เบรสีแดงทั้งด้านหน้า และหลัง
ทั้งนี้สเปคเวอร์ชันที่จะเปิดวางขายในไทยนี้ คงต้องมารอลุ้นกันในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ ว่าจะเหมือนกับรุ่นที่ขายในจีน หรือจะถูกตัดออปชันออกมากน้อยขนาดไหน รวมทั้งราคราค่าตัวจะอยู่ที่เท่าไหร่
ซึ่งหากมีข้อมูลเพิ่มออกมาอย่างไรทางทีมงาน Autostation.com จะรีบนำรายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบอีกครั้งโดยทันที