หลังจากที่ทาง Deepal แบรนด์ NEV (รถยนต์พลังงานใหม่) ที่อยู่ในสังกัดของทาง Changan ได้ทยอยเผยข้อมูล และปล่อยภาพ พร้อมโชว์ตัว Deepal G318 เอสยูวีสายลุย ตามงานต่าง ๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา
ล่าสุดทางผู้ผลิตได้เปิดราคาจำหน่ายของ Deepal G318 อย่างเป็นทางการสำหรับวางจำหน่ายในประเทศจีนออกมาแล้วโดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ เปิดราคาจำหน่ายไว้ระหว่าง 175,900 – 318,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 8.89 แสนบาท – 1.6 ล้านบาท
สำหรับ Deepal G318 จะเป็นรถรุ่นที่ 3 ของทางแบรนด์ Deepal หลังจากที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2022 ซึ่งในปัจจุบันมีรถที่ทำตลาดอยู่ 2 รุ่นก็คือ SL03 หรือในบ้านเราจะรู้จักกันในชื่อ Deepal L07 (โดยในเวอร์ชันเมืองจีนจะมีจำหน่ายทั้งในรูปแบบ BEV, EREV และ FCEV และ S7 หรือในตลาดเมืองไทยก็คือ Deepal S07 (ในเวอร์ชันเมืองจีนจะมีจำหน่ายทั้งแบบ BEV / EREV โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ที่เข้ามาจำหน่ายในไทยนั้นจะเป็นรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้า 100%
โดย Deepal G318 จะเป็นรถในรูปแบบเอสยูวีสายลุย โดยจะมีคู่แข่งในตลาดหลัก ๆ ก็จะเป็นรถในตระกูลซีรี่ส์ Tank ของทาง GWM และตัวลุยของทางค่าย BYD อย่าง BYD Fang Cheng Bao Bao 5 หรืออีกชื่อก็คือ BYD Leopard 5
ในด้านงานออกแบบดีไซน์ของ Deepal G318 มาในรูปแบบเอสยูวี Off-Road สายลุยแนวฮาร์ดคอร์ ที่เน้าความบึกบึน แข็งแกร่ง โดยชื่อรุ่นนั้นถูกตั้งตามชื่อของทางหลวงแผ่นดินในประเทศจีน ซึ่งจะเป็นเส้นทางจาก เฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน มุ่งหน้าไปยัง -ทิเบต โดยในเส้นทางนี้ กำลังเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ใช้สัญจรไปมาช่วงสุดสัปดาห์ เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ซึ่งนี้ก็อาจเป็นเหตุผลที่ทาง Deepal นำชื่อเส้นทางถนนสายนี้มาตั้งเป็นชื่อรุ่นรถ เพื่อให้ สื่อให้เห็นว่ารถ SUV รุ่น G318 นี้ ถูกตั้งเป้าหมายเอาไว้สำหรับตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถสำหรับการเดินทางอย่างแท้จริง
ตัวรถของ Deepal G318 มากับเส้นสายที่เป็นเหลี่ยนสัน กระจังหน้าแบบปิดทึบ ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่งด้วยชุดไฟ DRL รูปตัว C เติมความดุด้วยกันชนหน้าสีดำขนาดใหญ่
ขณะที่บนหลังคาติดตั้งราวแล็คหลังคาที่มาพร้อมชุดไฟสปอร์ตไลท์ด้านหน้าที่วางเรียงต่อกัน 4 ดวง พร้อมราวหลังคาที่สามารถรองรับเต็นท์ตั้งแคมป์ได้
ด้านข้างเน้นความเรียบง่ายมือเปิดประตูแบบเรียบเนียนกับตัวถังรถ เสริมความดุตามสไตล์รถออฟโรดด้วยโป่งซุ้มล้อสีดำ มาพร้อมล้ออัลลอยทูโทน รัดด้วยยางไซซ์ใหญ่
ส่วนด้านท้ายมาพร้อมกับธีมการออกแบบที่เรียกว่า ‘Gate of Space‘ ด้วยการติดตั้งชุดไฟท้าย LED รูปตัว C และชุดล้อยางอะไหล่ ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์รถในรูปแบบทางออฟโรด นอกจากนี้รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อยังเมีความสามารถในการลากจูงสูงสุด 1,600 กก.
ในด้านขนาดมิติตัวรถของ Deepal G318 จะมีความยาว 5010 มม. กว้าง 1,985 มม. สูง 1,895 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,880 มม. โดยมีระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 278 มม. มาพร้อมมุมเข้าที่ 27° และมุมออก 31°
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังกลับ และวัสดุแบบเมทัลลิก โดยมีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่สีดำ Dense Forest Black, สีน้ำเงิน Glacier Blue และสีเขียว Holy Lake Green
แผงแดชบอร์ดจะมากับหน้าจอคู่ที่ประกอบด้วยแผงหน้าปัดขนาด 10.25 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลัง พวงมาลัยทรง D-Shape มาพร้อมหน้าจควบคมุา่วนกลางที่เป็นแบบ LCD ขนาด 14.6 นิ้ว โดยมีปุ่มควบคุมต่าง ๆ วางอยู่ด้านล่างมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Deepal OS และฟังก์ชันระบบการจดจำเสียง
คอนโซลกลางออกแบบให้มีพื้นที่กว้าง มาพร้อมคันเกียร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ด้านเบาะที่นั่งด้านหน้ามาพร้อมระบบทำความร้อน / ระบบระบายอากาศ อีกทั้งยังสามารถปรับนอนราบ เพื่อวางเบาะลม นอนในรถได้ นอกจากนี้ยังมี พื้นที่เก็บของทั่วทั้งรถ 31 จุด
นอกจากนี้ ภายในรถยังมาพร้อมหลังคากระจกซันรูฟแบบพาโนรามาบานใหญ่ พื้นที่เก็บของสัมภาระท้ายรถ จุได้ 818 – 1,747 ลิตร (เมื่อพับเบาะลง)
ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้รับ ปุ่ม Bluetooth/NFC/RFID, เครื่องบันทึกการขับขี่ในตัว, แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายขนาด 50W และฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงระดับ 2
สำหรับพลังกำลังขับเคลื่อนของ Deepal G318 จะมากับระบบ EREV (Extended Range Electric Vehicle) ที่ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์ 1.5T ที่ให้กำลัง 112 kW (150 แรงม้า) มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีให้เลือกทั้งมอเตอร์เดี่ยว และมอเตอร์คู่ รองรับโหมดการขับขี่ 16 โหมด
อีกทั้งยังมาพร้อมแบตเตอรี่ Golden Bell Battery (Golden Bell 2.0) ที่ใช้เทคโนโลยีไดอะแฟรม นาโนไฟเบอร์ ที่สามารถทนต่ออุณหภูมิของแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นจาก 150 °C เป็น 200 °C และติดตั้งการป้องกันด้านล่างของแบตเตอรี่ 10 ชั้น เพื่อลดความเสี่ยงของแบตเตอรี่ที่จะเสียหายได้
โดยในรุ่นมอเตอร์เดี่ยวจะวางอยู่ที่ด้านหลังให้กำลัง 110 kW (148 แรงม้า) ให้กำลังรวมสูงสุด 185 kW (248 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 8.3 วินาที
จับคู่กับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตที่มีขนาด 18.99 kWh – 35.07 kWh วิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนจะให้ระยะทาง 100 กม., 184 กม. และ 190 กม. (CLTC) และวิ่งได้ระยะทางรวมสูงสุด 1,000 กม.โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 6.1 ลิตร/100 กม (CLTC)
ขณะที่ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมากัยบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าที่ให้กำลัง 131 kW (176 แรงม้า) มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังให้กำลัง 185 kW (248 แรงม้า) ให้กำลังรวมสูงสุด 316 kW (424 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 572 นิวตันเมตร มาพร้อมอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 6.3 วินาที
จับคู่กับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตขนาด 35.07 kWh วิ่งในโหมดไฟฟ้าให้ระยะทางไกลสุด 174 กม. และ 184 กม. (CLTC) มาพร้อมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 6.7 ลิตร/100 กม (CLTC)
สำหรับราคาจำหน่ายทางฉางอันเปิดตั้งราคาไว้ระหว่าง 175,900 – 318,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว ๆ 8.89 แสนบาท – 1.6 ล้านบาท โดยในรุ่นเริ่มต้นจะเริ่มส่งมองรถได้ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนในรุ่นไฮเอนด์ Worry-Free Crossing Edition ชคาดว่าจะเริ่มส่งมอบรถได้ในปี 2025