in , , ,

รีวิว BYD SEAL สปอร์ตซีดานไฟฟ้าทุกรุ่นย่อย แรงจริง ราคาดี แต่รุ่นไหนน่าใช้กว่ากัน ?

รีวิว BYD SEAL รถสปอร์ตซีดานไฟฟ้า 100% ทรงสวย สมรรถนะแรงจริง แถมราคาดีอีกด้วย

Review BYD SEAL

ในชั่วโมงนี้จัดว่าค่าย BYD แบรนด์รถจากประเทศจีน เป็นหนึ่งในแบรนด์รถที่ถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมากในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวครอสโอเวอร์ EV อย่าง ATTO3 ออกมาเป็นรุ่นแรก ซึ่งสร้างกระแสยอดจองแบบถล่มทลาย หลังจากนั้นตามออกติด ๆ กับน้องเล็กสุดน่ารักที่มาในรูปแบบแฮทช์แบคไฟฟ้าอย่าง BYD Dolphin ที่มีราคาเข้าถึงง่าย 

รีวิว BYD SEAL

และล่าสุดถึงคิวสปอร์ตซีดานไฟฟ้ารุ่นแรก ของทางแบรนด์อย่าง BYD SEAL พร้อมสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดราคาจำหน่ายที่ทำให้รถกลุ่มเดียวกันไม่ว่าจะเป็น Honda Accord และ Toyota Camry เปิดตำราตั้งรับไม่ทัน ด้วยราคาจำหน่ายระหว่าง 1,325,000 – 1,599,000 บาท

รีวิว BYD SEAL

ซึ่งล่าสุดก่อนหน้าที่จะเปิดราคาจำหน่ายของเจ้าแมวน้ำไฟฟ้าตัวแรงดัวกล่าวนี้ทาง เรเว่ ออโตโมทีฟ ผู้นำเข้ารถยนต์แบรนด์ BYD ก็ได้เชิญสื่อมวลชนกสายรถยนต์ชั้นนำกว่า 120 ชีวิต ไปร่วมกิจกรรมทดสอบสมรรถนะของ BYD SEAL (บีวายดี ซีล) ซึ่งทางทีมงาน Autostation.com ก็ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ 

รีวิว BYD SEAL

โดยในทาง Rever Automotive กำหนดใช้ทางกรุงเทพฯ – เขาใหญ่ ครอบคลุมระยะทางไปกลับกว่า 400 กิโลเมตร ในแบบ One Day Trip โดยทางบีวายดีจัดมาให้ทดลองขับครบทั้ง 3 รุ่นย่อยทั้ง Dynamic, Premium และ Performance ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร สมรรถนะของแต่ละรุ่นจะแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหน แล้วรุ่นไหนน่าสนใจ น่าซื้อกว่ากัน เรารวบรวมมาไว้ให้แล้ว

BYD SEAL

สำหรับรายละเอียดดีเทลของตัวรถนั้นสามารถเข้าไปดูได้ที่ ➡️BYD SEAL ซีดานไฟฟ้าหรูตัวแรง สเปคไทย ราคาเริ่ม 1.325 ล้านบาท โดยในครั้งนี้เราจะมาเน้นในเรื่องของสมรรถนะของตัวรถกัน

BYD SEAL

สัมผัสแรกกับเจ้าแมวน้ำไฟฟ้าตัวแรง 

ก่อนจะเริ่มทำการทดลองขับ เรามาดูสเปคของ BYD Seal ในแต่ละรุ่นที่วางจำหน่ายในบ้านเรากันก่อน โดย BYD SEAL เป็นหนึ่งในตระกูล Ocean Series ที่ประกอบไปด้วย BYD Seagull, BYD Dolphin, และ Sea Lion

รีวิว BYD SEAL

สำหรับเจ้าแมวน้ำตัวแรงไฟฟ้าเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในไทยจะมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย คือ Dynamic , Premium และ Performance ในด้านดีไซน์ทั้ง 3 รุ่นนั้นเรียกว่าดูผ่าน ๆ จะแยกกันแถบไม่ออก

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

จะมีเพียงในส่วนล้ออัลลอย และเฉดสีตัว ที่จะพอแยกย่อยให้ทราบว่าคันนี้เป็นรุ่นอะไร โดยถ้าเป็นล้อขนาด 18 นิ้ว ก็ฟันธงไปเลยว่าเป็นตัว Dynamic รวมทั้งจะมีเฉพาะเฉดสีขาว และสีดำเท่านั้น 

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

ส่วนในตัว Premium จะเป็นล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมเพิ่มเฉดสีเทาเข้ามา ส่วนในรุ่น Premium ถ้าเห็นเป็นเฉดสีฟ้า ใช้เลยว่าเป็นตัวท็อป ที่มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว 

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

ขณะที่ในด้านมิติตัวถัง จะมีความยาว 4,800 มม. กว้าง 1,875 มม. สูง 1,460 มม. และระยะฐานล้อถึง 2,920 มม. มาพร้อมระยะความสูงจากพื้นถนนที่ 120 มม. จัดเป็นในระดับ D-segment ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Tesla Model 3 ถือว่าใหญ่กว่าอยู่พอสมควร 

รีวิว BYD SEAL

เมื่อเข้าไปภายในห้องโดยสาร จะสัมผัสได้ถึงความสปอร์ต มาพร้อมกับความเรียบหรูดูแพง ผสานกับความกว้างขวา เบาะที่นั่งบักเกตซีตทรงสปอร์ตชิ้นเดียวที่ให้อารมณ์สปอร์ต โอบรับกับตัวได้ดี เพิ่มความหรูหราดูแพงด้วยคันเกียร์ไฟฟ้าที่มีหัวเกียร์เป็นแบบคริสตัล 

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

มาพร้อมปุ่มใช้งาน และสั่งการต่าง ๆ วางจัดตำแหน่งได้ดูดี ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเปลี่ยนโหมดระบบขับเคลื่อน แบบลูกกลิ้งขนาดเล็ก สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือให้แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายถึง 2 ช่อง 

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

ขณะที่หน้าจอหลักสามารถหมุนได้ การใช้งานไหลลื่น ระบบแอร์อัตโนมัติ แต่การปรับองศาต่างๆ จะใช้ยากนิดนึง คือต้องเข้าไปปรับ ในหน้าจอส่วนกลาง ซึ่งเป็นอะไรที่ดูจะมีความวุ่นวายมากพอสมควร แต่ถ้าหากใช้ไปนาน ๆ ก็อาจจะให้ให้คุ้นชินมากขึ้น

รีวิว BYD SEAL

นอกจากนั้นในทุกรุ่นย่อยยังติดตั้งหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค 2 ชั้น ที่เคลือบด้วย Silver-plated ทำให้กั้นความร้อนจากแสงแดดเมืองไทยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตรม. จึงช่วยทำให้ตัวรถนั้นดูใหญ่โปร่ง และโล่งสบายตา ไม่อึดอัด

รีวิว BYD SEAL

เบาะนั่งด้านหลังมีระยะช่วงขากว้าง แต่ถ้าหากเป็นคนที่มีความสูงมาก ๆ อาจจะไม่ค่อยตอบโจทย์ เพราะด้วยหลังคารถด้านท้ายออกแบบให้มีความลาดเท จึงทำให้มี Headroom ที่ค่อยข้างน้อย

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

ส่วนระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือกการขับขี่ ถ้าใครเป็นพวกชอบระบบความปลอดภัยขั้นสูง BYD SEAL ถือว่าตอบโจทย์ เพราะจับยัดเกือนทุกระบบความปลอดภัยที่ต้องมีในรถยนต์มาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัยกว่า 20 ระบบ รวมถึงถุงลมนิรภัย 9 ใบ ที่มีให้ครบในทุกรุ่นย่อย

แต่ละรุ่นย่อยมีพละกำลังที่แตกต่างกัน 

รีวิว BYD SEAL

ในแต่ละรุ่นย่อยจะมีขนาดของแบตเตอรี และมอเตอร์ไฟฟ้าแตกต่างกัน เริ่มจากรุ่น Dynamic ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยวที่วางอยู่ที่คู่ล้อหลังให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรีความจุ 61.44kWh รองรับการชาร์จไฟฟ้าสูงสุด (DC) ที่ 110 kW ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 510 กม. ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที

รีวิว BYD SEAL

ต่อมาคือรุ่น Premium ที่ยังคงมากับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยวที่ล้อหลังเหมือนกับในรุ่นเริ่มต้น แต่ปรับมห้มีพละกำลังมากขึ้นโดยมีกำลังอยู่ที่ 313 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 360 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที มาพร้อมแบตเตอรีความจุ 82.56kWh รองรับการชาร์จไฟฟ้าสูงสุด (DC) ที่ 150 kW ขาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 650 กม. ตามมาตรฐาน NEDC

รีวิว BYD SEAL

ส่วนรุ่นท็อปคือ Performance จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว คู่หน้าให้กำลัง  214 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ส่วนคู่หลังให้กำลัง 390 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร ให้กำลังรวมสูงุสด 530 แรงม้า แรงบิด 670 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที มาพร้อมแบตเตอรี่ Blade ขนาด 82.56kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งไกลสุด 580 กม.ตามมาตรฐาน NEDC 

BYD SEAL EV BYD SEAL EV

นอกจากนี้ตัวถังของ BYD Seal ออกแบบตัวถังในรูปแบบ Cell to Body 3.0 ซึ่งเป็นการวางชุด Blade Battery ติดไปกับโครงสร้างตัวถังบริเวณด้านล่างตัวรถ ทำให้ตัวแบตเตอรี่นั้นเรียกว่าจะเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ซึ่งในการจัดวางชุดแบตเตอรี่เช่นนี้ ยังช่วยในเรื่องของระบบช่วงล่าง ที่ทำให้ยึดเกาะถนนได้ดีมากขึ้น รวมทั้งยังจะช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างมากขึ้น ประกอบกับที่ตัวรถถูกออกแบบให้มีความกว้างของระยะฐานล้อที่ค่อนข้างมาก 

เริ่มสัมผัสความเร้าใจแต่ละรุ่นย่อย

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

ในการทดลองขับครั้งนี้ทางทีมงานได้เจ้ารุ่น Dynamic เป็นรุ่นแรก โดยเริ่มออกสตาร์ทจาก Davin Cafe โดยในรุ่น Dynamic จะเป็นรุ่นเริ่มต้นพื้นฐานที่มากับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดี่ยวอยู่ที่คู่ล้อหลัง พละกำลังระดับ 204 แรงม้า ในด้านการขับขี่นั้นถึงแม้ว่ามากับมอเตอร์ไฟฟ้าเพียวตัวเดียว กับขนาดตัวรถที่เรียกว่าใหญ่ระดับรถเก๋ง D-segment อัตราเร่งโดยรวมต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เรียกว่ากดเป็นมาเร่งแซงได้ทันใจ ซึ่งเมื่อรวมกับดีไซน์ที่เน้นความลู่ลมด้วยฝากระโปรงหน้าที่เทลาด ส่งผลให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ cd 0.219 ยิ่งทำให้ตัวรถพุ่งทยายไปได้อย่างง่ายดาย

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

การขับควบคุมตัวรถเป็นได้อย่างดี จะมีข้อที่น่ารำคาญอยู่ที่ระบบช่วยเหลือในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนเปลี่ยนเลน หรือระบบเตือนรถสวนทาง ที่จะดึงพวงมาลัยจนทำให่ตกใจได้เลย (แต่ระบบดังกล่าวก็สามารถปิดได้) ขณะที่พวงมาลัยดูจะเบาไปนิด แต่ก็สามารถปรับน้ำหนักได้เช่นกัน ขณะที่ระบบช่วงล่างให้ความนุ่มนวล ตัวรถนิ่งขณะใช้ความเร็วสูง การมุดแซงเป็นไปได้ดั่งใจ ถึงแม้รูปลักษณ์จะดูใหญ่โต แต่ได้ในเรื่องพละกำลังช่วย จึงทำให้การเร่งแซง ในช่วงจังหวะต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างง่ายดาย 

รีวิว BYD SEAL

หลังจากนั้นก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทางที่ 8 speed เขาใหญ่ ก็ได้สลับมาขับในรุ่นตัวท็อป อย่างรุ่น Performance ที่เป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อตัวแรง ที่ให้พละกำลังมากถึง 531 แรงม้า ในด้านความรู้สึกจะแตกต่างจากรุ่น Dynamic อย่างชัดเจน 

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

โดยในรุ่น Performance เป็นรุ่นที่มีพละกำลังมาให้อย่างเหลือเฟือ ซึ่งทางผู้ผลิตเคลมไว้ว่าจะมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.8 วินาที ซึ่งเป้นอย่างนั้นเราก็ต้องทำการพิสูจน์ ซึ่งหลังจากการลองออกตัวจากไฟแดง เพียงแค่กดคันเร่งต้องบอกว่าหัวกระแทกเบาะได้เลย ตัวรถไต่ความเร็วสามารถทำได้ในพริบตา ตามที่ทาง BYD ได้คุยไว้จริง 

รีวิว BYD SEAL

แต่สำหรับใครที่ยังไม่ชินการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบแรง ๆ ที่มีแรงกระชาก และแรง G ที่มาก รวมทั้งยังมีการ Regenerative Braking ดึงพลังงานกลับไปเก็บยังแบตเตอรี่ ก็อาจทำให้มึนหัวได้โดยเฉพาะผู้โดยสาร 

ส่วนระบบช่วงล่าง ที่ทางบีวายดีเลือกใช้ช่วงล่างแบบดับเบิลวิชโบนที่ด้านหน้าพร้อม 5-ลิงค์ ที่ด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย ให้ความรู้สึกที่หนักแน่น นุ่มหนึบ ในสไตล์สปอร์ต รวมถึงถ้าวิ่งด้วยความเร็วปกติ ไม่เร็วแบบฟ้าผ่า ช่วงล่างที่จัดเซทมาให้นี้ก็เอาอยู่ 

รีวิว BYD SEAL

นอกจากนั้นในรุ่นนี้ยังทำการปรับเซทโช๊คอัพใหม่ ให้ปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ Frequency Selective Damping (FSD) โดยจะทำการควบคุมปริมาณน้ำมันไฮดรอลิกที่ฉีดเข้าไปในกระบอกสูบโช้คอัพผ่านวาล์ว FSD จึงปรับความนุ่มนวล และความแข็งของโช้คอัพได้โดยอัตโนมัติ การปรับเปลี่ยนแบบแปรผันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับกับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งคู่หน้า และหลัง พร้อมรองรับความแรงระดับมากกว่า 500 ม้าได้อย่างสบาย 

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

อีกทั้งทาง BYD ยังได้ เปิดโอกาสให้ทดลองขับในสนามทดสอบ 8Speed เขาใหญ่ โดยในการทดสอบครั้งนี้มีสเตชันต่าง ๆ เพื่อให้รับรุู้ถีงระบบช่วงล่างของตัวรถให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานีการเปลี่ยนเลนกะทันหัน หรือการขับขี่แบบสลาลอม รวมถึงการหักเลี้ยวแบบโดนัทเป็นวงกลม ซึ่งจะใช้ในรุ่น AWD Performance เป็นรุ่นในการทดสอบ

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

ซึ่งจากการได้ลองสถานีต่าง ๆ นี้ พบว่าตัวรถสามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของในรุ่น AWD Performance ตัวรถมีความมั่นคงดีมากในชวงสลาลม อาจจะมีอาการโยกตัวบ้างเล็กน้อย ตามอาการเหวี่ยวของตัวรถ แต่ยังควบคุมได้

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

นอกจากนี้มีการลองระบบ iTAC เป็นระบบที่ช่วยตัดแรงบิดเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เราได้ทำการทดลองวิ่งเป็นรูปโดนัท โดยตัวระบบจะควบคุมการส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งหากมีการหักเลี้ยวค่อนข้างมาก พร้อมกับการกดคันเร่งลึก ระบบจะตัดการส่งกำลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมลดกำลังแรงบิด เพื่อไม่ให้มีกำลังสูงจนหลุดโค้ง ซึ่งระบบดังกล่าวนี้ ช่วยให้การเข้าโค้งแบบโดนัทเป็นไปได้อย่างสบาย ไม่มีอาการหลุดโค้งออกมาให้เห็น

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

หลังจากผ่านพ้นไปแล้ว 2 รุ่น ในขากลับเราได้เจ้ารุ่น Premium ที่เป็นรุ่นย่อยระดับกลางเป็นพาหนะกลับเข้าสู่ กทม. โดยความดีงามของในรุ่นนี้ก็คือจะมีขนาดแบตเตอรี่ที่มีความจุเท่ากับตัวท็อปโดยมีขนาดอยู่ที่ 82.56kWh ซึ่งทาง BYD เคลมไว้ว่าจะวิ่งได้ระยะไกลถึง 650 กม. ซึ่งมากกว่าทุก ๆ รุ่นย่อย 

รีวิว BYD SEAL

ขณะที่ในด้านพละกำลังนั้นถึงแม้จะเป็นรองในรุ่น AWD Performance แต่ก็แรงกว่าในรุ่น Dynamic เป็นรุ่นเริ่มต้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดกึ่งกลางของความพอดี ที่มีทั้งแบตเตอรี่ลูกใหญ่ที่วิ่งได้ไกลสุด มาพร้อมกับพละกำลังสมรรถนะที่พอตัวในความแรงระดับ 313 แรงม้า ขณะที่อัตราเร่งก็จัดจ้านไม่แพ้ใครกับ 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.9 วินาที จากการทดลองขับในตัว AWD Performance อาจจะลดกำลังลงมาบ้าง แต่ก็ไม่น้อยหน้าใครบนถนนเป็นแน่ รวมทั้งยังมีออปชันที่ใกล้เคียงกับรุ่น Performance 

รีวิว BYD SEAL

รีวิว BYD SEAL

ขณะที่ระบบช่วงล่างก็ยังคงมีความนุ่มนวล หนึบแน่นใกล้เคียงกับรุ่น Dynamic และรุ่น Performance ที่สำคัญมาพร้อมกับแบตเตอรีลูกใหญ่ที่ไม่ต้องกังวลให้การแวะชาร์จบ่อย ๆ 

สรุป BYD SEAL ทุกรุ่นย่อย 

รีวิว BYD SEAL

หลังจากที่ได้ทดลองขับเจ้า BYD SEAL แมวน้ำไฟฟ้าทรงหล่อตัวแรง ครบทั้ง 3 รุ่นย่อย โดยในรุ่น Dynamic ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นนั้น ด้วยพละกำลัง และแบตเตอรี่ นั้นจะเหมาะกับการใช้งานในเมืองแบบประจำวัน หรือไม่ค่อยได้ออกต่างจังหวัดบ่อย ๆ 

รีวิว BYD SEAL

ส่วนในรุ่น Premium ส่วนตัวถือว่าเป็นรุ่นที่ครอบคลุม ความแรงจัดจ้านไม่แพ้รุ่นท๊อป แถมวิ่งได้ไกลกว่าด้วยแบตเตอรีที่มีขนาดใหญ่ ขับไปต่างจังหวัดไม่ต้องพะวงกับกาาร์จแบตฯ บ่อยครั้ง 

รีวิว BYD SEAL

ขณะที่ในรุ่น Performance จะเหมาะกับผู้ที่รักความเร็ว และแรง กับพละกำลังที่มากถึง 531 แรงม้า ได้อารมณ์เหมือนขับรถซุปเปอร์คาร์ แต่ไม่ต้องเติมน้ำมัน ที่สำคัญกับเมื่อเอา อัตราเร่ง ความจัดจ้านของขุมพลัง มาเทียบเคียงแล้ว เรียกว่าไม่แพ้รถหลักราคาหลาย ๆ ล้านเลย 

รีวิว BYD SEAL

สำหรับราคาค่าตัวของ BYD SEAL 

  • รุ่น Dynamic มีราคาจำหน่ายอยู๋ที่ 1,325,000 บาท 
  • รุ่น Premium RWD มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1.449,000 บาท 
  • รุ่น Performance มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,599,000 บาท